วันเสาร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2557

luscious, 13





luscious, 13
คนนิสัยไม่ดี


ผมขับรถออกมาจากบ้านของเดือนสิบสองแทบจะทันทีหลังจากนั้นก็ตรงไปยังคอนโดของเซย์ เชื่อเถอะพอเจอหน้าผมหมอนั่นก็จะตอกย้ำอีกตามเคยที่พูดได้แบบนี้ก็เพราะผมกำลังเจอกับตัวเองอยู่นี่ไงครับ
“สม-น้ำ-หน้า!!!

“ไม่ตลก”

“ก็ใครใช้ให้นายยกลูกขึ้นมาอ้างละทั้งๆ ที่เป็นห่วงแม่ของลูกแทบแย่”

“ก็ท่าทางที่เปลี่ยนไปของเดือนสิบสองมันขัดใจฉันนี่” จริงๆ นะครับถ้าเป็นใครก็ต้องบอกว่าขัดใจเพราะเอาแต่นิ่งสยบความเคลื่อนไหวทุกอย่างยังกับคนที่มีลมหายใจแต่ไร้จิตวิญญาณยังไงยังงั้นแหละครับ

“นายไม่คิดบ้างเหรอว่าเดือนสิบสองอาจจะกำลังเปลี่ยนตัวเองแล้วก็ปรับตัวให้เข้ากับนายนะไอ้พ่อเลี้ยงโง่”

“ด่ากันขนาดนี้เอาปืนมายิงเลยดีกว่า”

“ว่าแต่คนอื่นปากแข็งแล้วทำไมนายไปบอกไปซักทีละว่าสิ่งที่ต้องการมากที่สุดคือเดือนสิบสอง ไม่ใช่หุ้น บริษัท บ้านหรือแม้แต่คอนโดฉันอุตส่าห์ไปเปิดทางให้แล้วนะ” เซย์ลุกขึ้นยืนกำหมัดเข้าหากันจนแน่นท่าทางของหมอนี่เหมือนกำลังโกรธแทนผมเลยครับ
“เบื้อก!

“นี่เซย์อยากตายเหรอ รู้ไหมว่าพูดอยู่กับใคร”

“พ่อเลี้ยงโง่!
ปัง!!!
ด่าผมเสร็จก็หนีหายเข้าไปในห้องทันทีเลยครับ ฆ่ากันชัดๆ แล้วคราวนี้ผมจะทำยังไงต่อดีผมผิด ไม่สเดือนสิบสองต่างหากที่ผิดก็ดันเปลี่ยนนิสัยกะทันหันจนผมตามไม่ทันแบบนี้แล้วใครมันจะไปรู้เล่า
หรือผมจะโง่อย่างที่เซย์ด่าจริงๆ -*-!!!

เดือนสิบสอง
บอกไม่ถูกว่ามันคืออะไรแต่ที่แน่ๆ คำพูดของพี่เซย์(ขอเรียกแบบนี้ละกันครับตามไอ้จามัน)ทำให้ผมคิดอะไรได้บ้าง ผมควรจะเปลี่ยนแปลงตัวเองใช่ไหม? แต่ผมไม่ยอมรับหรอกนะว่าตัวเองปากแข็งในเมื่อที่พูดไปทั้งหมดมันคือความจริง
ผมเกลียดพ่อเลี้ยง ความจริงที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่ใช่และนี่สินะนิสัยปากแข็งของผมที่กำลังทำร้ายตัวเองอยู่ผมจะไปรักผู้ชายคนนั้นได้ยังไงในเมื่อตอนแรกผมต้องการแค่เงินและความสุขสบายในชีวิตเท่านั้น
แต่พอรับรู้ว่าตัวเองท้องผมกลับไม่ต้องการอะไรอีกเลยนอกซะจากความสุข การได้เจอเค้าอีกครั้งมันทำให้ผมรู้ว่าความเหงาที่เคยมีกลับหายไปในชั่วขณะแม้ว่าวินาทีแรกที่ได้เจอกันผมจะไล่เค้าออกไปก็ตามแต่นิสัยอย่างพ่อเลี้ยงนะเหรอจะไปไม่มีทางหรอกครับ
สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกแย่กว่าเดิมก็คือเค้าไม่ได้ต้องการผม เมื่อรับรู้ว่าผมท้องเค้ากลับต้องการแค่ลูกไม่ว่าจะพูดอะไรสิ่งแรกที่เอ่ยด้วยความห่วงใยคือลูกผมรู้สึกแย่นะครับแต่กลับไม่พูดอะไรนอกจากจะเข้าใจในสิ่งที่เค้าพูดและกระทำ แต่พอเราไปโรงพยาบาลด้วยกันเค้ากลับเรียกผมว่าเมียต่อหน้าหมอนนท์แล้วก็หายออกไปคุยโทรศัพท์จนผมต้องออกมารอด้านนอก
หมอนนท์บอกว่าผมท้องได้สองเดือนเศษแล้วก็เท่ากับว่าครั้งแรกของผมมันก็ทำให้ผมท้องได้ในเมื่อผมไปอยู่ที่นั่นได้เกือบสองเดือนไม่นับรวมกับที่ผมกลับมากรุงเทพฯ แล้วครั้งแรกที่เรามีอะไรกันเค้าก็ไม่ได้ป้องกันอยู่แล้วนี่และเหตุการณ์นั่นผมก็จำไม่ได้ด้วยสิว่ามันครั้งเดียวหรือหลายครั้งแต่ที่แน่ๆ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้แล้วรู้ว่าตัวเองจะท้อง ผมจะเลือกปกป้อง!!!
เพราะลูกคือข้ออ้างที่ทำให้ผมเจ็บปวดอย่างตอนนี้เราทะเลาะกันแต่เค้ากลับพาผมมาส่งที่บ้าน ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไม หลังจากที่รถคันนั้นลับสายตาไปแล้วผมก็ยืนร้องไห้อยู่หน้าบ้านจนมีคนวิ่งอกมาดูพอเห็นหน้าผมเท่านั้นแหละครับรีบร้องตะโกนทันที ผมจำได้ดีว่าเธอคือสาวใช้ที่อยู่บ้านผมมานานทุกอย่างเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นด้วยซ้ำ ราวกับว่าพ่อแม่ผมไม่เคยล้มละลายและผมก็ไม่เคยไปอยู่ตรังด้วยแต่มันไม่ใช่อย่างนั้นนะสิครับเมื่อผมเข้ามาในบ้านพ่อกับแม่ก็ยืนรออยู่แล้วเหมือนจะรู้ว่าผมต้องกลับมา พร้อมทั้งคำบอกเล่าอีกมากมาย
“พ่อกับแม่ขอโทษ แต่น่าดีใจที่พ่อเลี้ยงเค้ายกทุกอย่างคืนให้เราแถมทุกอย่างที่ว่าเค้ายังคืนให้ลูกทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นบ้าน หุ้นหรือแม้แต่บริษัทของเรา”
พ่อกับแม่นั่งยิ้มให้กันมองหน้าผมที่นั่งจ้องหน้าท่านแล้วน้ำตาค่อยๆ ไหลออกมามันบอกไม่ได้ว่ารู้สึกยังไงแต่ผมไม่เคยอ่อนแอหนักขนาดนี้ติดต่อกันเลยในรอบหลายปีที่โตมาได้ขนาดนี้


“พ่อเลี้ยงเค้ามาคุยกับแม่และพ่อแล้วนะลูก ทุกอย่างพวกเราสองคนก็เห็นดีด้วย” แม่อธิบายต่อส่วนผมก็เอาแต่นั่งเงียบแล้วร้องไห้


“ธุระที่พ่อว่าในตอนนั้นก็คือออกไปคุยกับพ่อเลี้ยง เค้า

“พอแล้ว! ผมไม่อยากฟังแล้วผมขอตัวนะครับ” ยิ่งพ่อกับแม่อธิบายมากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรแล้วทำไมเค้าต้องทำแบบนี้ด้วย ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะวิ่งหนีขึ้นมาบนห้อง บ้านที่ไม่ได้อยู่มานานกลับมาอีกครั้งทำไมมันถึงรู้สึกแบบนี้หรือเพราะที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ผมต้องการจะอยู่อีกแล้ว
ร่างกายและหัวใจของเดือนสิบสองมันต้องการจะอยู่ที่ไหนกันแน่?

เมื่อวานหลังจากลงมากินข้าวกับพ่อและแม่เสร็จผมก็ขอตัวขึ้นไปบนห้องทันที เพราะตลอดเวลาพ่อกับแม่ก็เอาแต่พูดถึงพ่อเลี้ยงจนสมองของผมมันจดจำแต่เค้าไปหมดแล้ว ผมอยากเหลือพื้นที่ว่างๆ ให้สมองของตัวเองบ้างไม่ใช่ว่าเรียนรู้ที่จะจำแต่เรื่องของเค้า
แต่พอมาวันนี้พ่อกับแม่ก็ยังคงพูดเหมือนเดิมพูดแต่เรื่องของพ่อเลี้ยง
“ผมจะออกไปข้างนอกนะครับ”
ผมเหลืออดกับคำพูดพวกนี้ก่อนจะลุกพรวดขึ้นแล้วรีบเดินออกไปข้างนอก

“ถ้าจะไปให้คนขับรถพาไปไหมลูก” เสียงของพ่อตะโกนตามหลังผมมาติดๆ

“ผมจะไปเองครับ”

“ถ้างั้นรถของลูกจอดอยู่ที่เดิมนะ J” แม่เป็นคนพูดขึ้นมา ผมหันไปมองหน้าพวกท่านสลับกันก็เจอแต่รอยยิ้มที่มองมาเท่านั้นเอง
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนี้มันคืออะไรกันแน่?
ผมรีบเดินไปขึ้นรถของตัวเองก่อนจะขับออกไปหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อโทรหาไอ้จาแต่โทรเท่าไหร่มันก็ไม่ยอมรับสายสักทีจนผมชักจะโมโหแล้วสิครับ แต่จู่ๆ มันก็กดรับซะงั้น
“ฮัลโหล” เสียงของมันเหมือนคนที่เพิ่งผ่านสงครามมาเลยละครับ
“มึงอยู่ไหนเนี่ย แล้วโทรไปทำไมเพิ่งรับสาย”
“กูอยู่กรุงเทพฯ พ่อบ้าส่งกูมาอยู่กับใครก็ไม่รู้” ไอ้จาว่าน้ำเสียงของมันเหมือนกำลังโกรธไม่ต่างไปจากผมเลยละครับ “ถ้าเจอพ่อกูเมื่อไหร่ฝากจัดการด้วยนะ”
“ดีเลยเพราะกูก็อยากรู้เหมือนกันว่าพ่อมึงจะสิงสถิตอยู่ส่วนไหนของกรุงเทพฯ ได้บ้าง”
“ถ้าไม่อยู่ที่บ้านก็คอนโดพี่เซย์ แต่เช้าๆ แบบนี้พ่อน่าจะไปดูงานที่โรงแรมว่าแต่พ่อกูไปหามึงแล้วเหรอ?”
“เออ! แค่นี้ก่อนนะแล้วกูค่อยโทรไปเล่าให้ฟังใหม่”
ติ๊ด
ผมแอบได้ยินเสียงร้องห้ามของไอ้จาดังขึ้นมาแต่คงไม่ทันแล้วละครับเพราะผมกดวางสายไปซะแล้ว ไม่รู้จะเลือกไปที่ไหนดีถึงเลือกจะไปผมก็ไม่รู้อยู่ดีว่ามันแถวไหนเพลียครับเมื่อกี้ก็ลืมถาม

“เอาวะ!” พูดแบบนั้นเสร็จผมก็โทรไปหาไทเปทันที ไอ้หมอนี่ที่ผมยังไม่ได้จัดการกล้าดียังไงให้คนอื่นเข้ามาในห้องผมแถมยังมีหน้าไปบอกเค้าอีกว่าผมท้อง ถ้าไม่ใช่มันแล้วจะเป็นใคร
“ว่าไงไอ้คุณหนู”
“กูอยากรู้ว่าตอนนี้พ่อเลี้ยงจอมพลอยู่ที่ไหน?”
“หืม! แล้ว
“มึงไม่ต้องมาพูดเหมือนไม่รู้ ถ้าไม่รีบไปสืบให้กูจะฆ่ามึง”
“เออๆ โหดชะมัดขอเวลาสิบนาทีแล้วกูจะส่งข้อความไปบอก” ผมไม่ทันได้เถียงอะไรต่อมันก็กดวางสายไปซะแล้ว สิบนาทีมันนานไปแต่จะทำยังไงได้ในเมื่อผมไม่รู้อะไรเลยนอกซะจากต้องรอ
ครืด ครืด
ผัวมึงอยู่ที่โรงแรม แถว xxx โชคดีนะครับคุณหนู

ไม่ทันถึงสิบนาทีด้วยซ้ำไปแถมยังส่งข้อความมาได้น่าตบมากๆ เดี๋ยวเถอะรอเจอตัวเมื่อไหร่กูจะจับหักคอทิ้งซะเลยโทษฐานหักหลังกันซึ่งๆ หน้า


ยืนอยู่หน้าโรงแรมผู้คนก็เยอะใช้ได้ท่าทางกิจการจะไปได้สวยนะครับจากวันนั้นที่ผมพยายามใจเย็นไม่เหวี่ยง ไม่วีนหรืออาละวาดอะไรมากมายแต่มาวันนี้ผมว่านิสัยเสียๆ ของตัวเองคงจะแก้ไม่หายแล้วละครับ
“ฉันมาพบพ่อเลี้ยงจอมพล”

“พ่อเลี้ยงประชุมอยู่ค่ะ” พนักงานต้อนรับบอกกับผมด้วยรอยยิ้ม “ว่าแต่ได้นัดไว้หรือเปล่าค่ะ”

“ไม่นัดก็พบได้ บอกมาว่าเค้าอยู่ไหน”

“ไม่ได้จริงๆ ค่ะ” เธอบอกกับผมน้ำเสียงหนักใจแต่ก็ยังคงยิ้มอยู่ตลอดเวลา นี่สินะหน้าที่ของคนให้บริการ

“ถ้าไม่บอกฉันจะอาละวาด”

“อย่านะคะคุณ” เสียงของพนักงานคนดังกล่าวร้องห้ามเมื่อเห็นว่าผมจับแจกันดอกไม้ที่ตั้งโชว์อยู่ด้านหน้าขึ้นมาถือเอาไว้ ท่าทางทุกคนจะแตกตื่นกันมากๆ เลยละครับถ้าจะขาดทุนก็คราวนี้นี่แหละ

“เกิดอะไรขึ้น?” เสียงคุ้นๆ แต่ผมก็ไม่ได้หันกลับไปมองหรอกครับ

“คุณลูกค้าคนนี้มาขอพบพ่อเลี้ยงค่ะ แต่

“ให้เค้าขึ้นไปซะ!
หืม! เป็นผมเองนี่แหละครับที่ยอมวางแจกันนี้ลงก่อนจะหันกลับไปมอง พี่เซย์เองก็ยืนมองหน้าผมแล้วยิ้มให้
“มาจนได้นะครับ พ่อเลี้ยงประชุมอยู่แต่ใกล้จะเสร็จแล้วไป

“ไม่รอเพราะผมจะคุยเดี๋ยวนี้” ไม่ทันที่เค้าจะพูดจบผมก็พูดแทรกขึ้นมาซะก่อนจนเจ้าตัวต้องเงียบไป

“โอเคๆ อยู่ชั้นบนสุดนะครับ” ตีสีหน้านิ่งไปก่อนจะหันกลับมาสบตากับพวกพนักงาน แขกที่เดินผ่านไปมาก็พากันมองดูผมยกใหญ่เลยครับ ผมไม่ใช่คนบ้าและที่มานี่ก็เพราะต้องการจะคุยแต่ทำไมต้องรอด้วยละ

ติ๊ง!
เสียงลิฟต์ดังขึ้นผมสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะก้าวขาเดินตรงไป โซนด้านบนก็ยังมีพนักงานอยู่บางส่วนเหมือนกันแฮะ คนพวกนี้มองมาทางผมอย่างสงสัยแต่ผมกลับไม่สนใจเดินตรงไปยังห้องประชุมทันทีที่รู้เพราะป้ายหน้าห้องมันเขียนไว้
“คุณค่ะเข้าไม่ได้นะคะ”

“หลีกไปซะ!” ผมขึ้นเสียงใส่จนพนักงานตรงหน้าสะดุ้งก่อนจะออกแรงกระชากแขนแล้วเหวี่ยงไปให้พ้นทาง
แอด!
มือก็กระชากประตูออกทันที ทุกคนในห้องมองหน้าผมอย่างสงสัยพลางแปลกใจว่าผมกำลังทำอะไร แต่ที่แน่ๆ คนที่ผมมาหากลับทำหน้าตาไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลยด้วยซ้ำไป

“ดิฉันห้ามแล้วนะคะ” พนักงานคนข้างๆ ผมพูดขึ้นมา

“เธอออกไปก่อน” ออกเสียงสั่งพนักงาน “ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวนะครับ” ลุกขึ้นยืนอย่างมาดเท่ห์เชียวครับก่อนจะเดินตรงมาทางผม แววตาของเค้าอธิบายยากซะจริงๆ แต่หัวใจของผมกลับเต้นแรงกว่าเดิมเลยแฮะ
ตึกๆ ตักๆ

หมับ!
เค้าไม่แม้แต่จะพูดกับผมสักคำแต่กลับลากผมให้เดินตามออกไปก่อนจะตรงไปยังห้องๆ หนึ่งเหมือนเป็นทางเชื่อมชั้นบนก็ว่าได้เพราะถ้าเปิดเข้ามาอีกก็จะเป็นห้องนอน คนรวยทำอะไรก็ไม่ผิดสินะครับ
“ปล่อยได้แล้ว” ผมว่ากระชากข้อมือของตัวเองออกมา
“ทำแบบนี้ทำไม ต้องการอะไรอีก!” ในเมื่อผมใช้ไม้อ่อนแล้วไม่ได้ผลผมก็ไม่จำเป็นต้องใช้นิสัยใหม่ กลับมาเป็นเดือนสิบสองคนเดิมนี่แหละครับดีแล้ว

” ไม่ตอบครับเอาแต่นั่งเงียบอยู่ปลายเตียง มือข้างหนึ่งก็ถอดสูทออกพร้อมทั้งปลดกระดุมที่แขนเสื้อทั้งสองข้างพับมันขึ้นไปอยู่ตรงกลางระหว่างข้อศอกและถอดเนคไทปลดกระดุมเสื้อลงสองเม็ด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตาผมแล้วจ้องมองอยู่อย่างนี้

“ถาม!!!” ท่าทางนิ่งๆ ของเค้าทำให้ผมไม่ชอบเอาซะเลย
หมับ!
เค้าไม่ตอบอะไรเหมือนเดิมแต่กลับกระชากผมเข้าไปหาตัวก่อนจะบังคับให้นั่งลงบนตักของเค้าโดยท่าทางที่ผมนั่งกวมระหว่างช่วงเอวเค้าอยู่ มันเป็นท่าทางที่เสี่ยงชะมัดเลยครับ L
“ปล่อยนะ” ผมดิ้นไปมาอยู่บนตักของเค้าโดยคนเจ้าเล่ห์เอาแต่กอดเอวผมแน่นขึ้นเรื่อยๆ เมื่อผมออกแรงดิ้น

” เงียบครับแถมเอาแต่จ้องหน้าผมมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วด้วย ในเมื่อพูดกันดีๆ ไม่รู้เรื่องอย่างนี้ต้องใช้ไม่เด็ด
เพี๊ยะ!!!
ผมยกมือทั้งสองข้างขึ้นก่อนจะออกแรงตบเข้าให้ที่หน้าของเค้าจนคนตรงหน้าร้องจ๊ากพร้อมๆ กับเสียงฝ่ามือทั้งสองข้างกระทบใบหน้าพร้อมกัน ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะเงียบได้นานแค่ไหน

“นึกว่าเป็นใบ้ สมน้ำหน้า!!!

“เด็กบ้า! เจ็บชะมัด” พ่อเลี้ยงยอมปริปากพูดออกมาก่อนจะขมวดคิ้วตีสีหน้าเจ็บปวดให้ผมได้เห็นในใจแอบอมยิ้มสุดๆ

“เมื่อกี้ของจาวามันฝากมาแต่ครั้งต่อไปของ

“ตบอีกฉันปล้ำ!” มือทั้งสองข้างชะงักเลยครับดึงกลับมาไว้ที่ตัวเองแทบไม่ทันก่อนจะเม้มปากเข้าหากันเบือนหน้าหนี ได้ยินคำว่าปล้ำแค่นี้ทำไมต้องเขินด้วยเล่าไอ้คุณหนู
>/////////////////<

“งั้นก็ปล่อยสิ”

“ถ้าปล่อยแล้วเราจะคุยกันรู้เรื่องเหรอ? นั่งแบบนี้แหละดีแล้ว”

“ไม่ดีเลยสักนิด” ผมหันกลับมาเถียงจนได้เห็นรอยยิ้มของคนตรงหน้าที่นั่งมองผมอยู่ตลอดเวลาโดยไม่ละสายตาไปไหนเลย
เค้าทำแบบนี้ไปทำไม มันทำให้ผมรู้สึกแย่จังเลยครับ

“ถ้าไม่ดิ้นแล้วยอมนั่งอยู่เฉยๆ บางทีอาจจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้แต่ถ้ายังดิ้นอยู่แบบนี้แล้วฉันเกิดมีอารมณ์ขึ้นมาอย่ามาโทษกันนะเพราะเตือนแล้ว”

“คนนิสัยไม่ดี! L” ผมว่าเค้าแบนปากใส่เหมือนอยากร้องไห้พูดเอาแต่ได้ทั้งนั้นเลย ไม่สนใจความรู้สึกของผมบ้าง

“เฮ้อ! ฉันยอมให้ด่าและอาละวาดใส่มาเยอะแล้วนะต่อไปนี้เราจะคุยกันให้รู้เรื่องสักทีเพราะมะรืนนี้ฉันต้องกลับตรังแล้ว” หัวใจผมกระตุกวูบเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูกเลยละครับเพราะคำพูดของเค้าที่บอกว่าจะกลับตรัง ก็เท่ากับว่าเวลาที่จะอยู่ที่นี่ก็แค่สองวันเอง ทำไมผมต้องรู้สึกเศร้าด้วย

” ผมนั่งนิ่งไม่พูดไม่จาเอาแต่จ้องหน้าเค้าดวงตาทั้งสองข้างก็สั่นระริกรู้สึกแดงกร่ำคล้ายจะร้องไห้ออกมาอีกแล้ว

“ที่ฉันคืนทุกอย่างให้เพราะอยากจะรับผิดชอบ ฉันคุยเรื่องนี้กับพ่อและแม่ของนายแล้วพวกท่านก็เห็นดีด้วยต่อไปนี้ทุกอย่างก็ไม่ได้มีแค่เราที่รู้แต่คนอื่นๆ ก็จะรับรู้ด้วยฉันเป็นผู้ใหญ่พอจะรับผิดชอบทุกอย่างที่ตัวเองกระทำเอาไว้”
พ่อเลี้ยงบอกกับผมจ้องหน้าผมอยู่ตลอดเวลา แต่น้ำตาของผมค่อยๆ ไหลออกมามีบางอย่างในคำว่ารับผิดชอบของเค้าที่ทำให้ผมรู้สึกเจ็บจังเลยครับ ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมจะดีใจและยิ้มเพราะว่าต้องการแค่เงินและอยากจะเอาชนะเค้าโดยไม่สนใจด้วยซ้ำว่าตัวเองจะรู้สึกยังไงแต่ตอนนี้มันกลับไม่ใช่แล้ว
ทำไมละ? เดือนสิบสองนายเป็นอะไรไป

“แล้วถ้าผมไม่ท้องละ? ยังจะรับผิดชอบอยู่อีกไหม” นั่นนะสิ นี่ละมั้งคืออะไรบางอย่างที่ผมสงสัยในคำว่าอยากรับผิดชอบ

หึ
“เด็กโง่!” พ่อเลี้ยงแสยะยิ้มที่มุมปากพร้อมทั้งยกมือข้างหนึ่งของเค้าขึ้นมาปาดน้ำตาให้ผม “ต่อให้นายไม่ท้องเรื่องนี้ก็จะเกิดขึ้นเพราะฉันคิดมันไว้ก่อนจะขึ้นมากรุงเทพฯ ซะอีกคราวหลังถ้าอยากรู้ให้ถามไม่ใช่พยายามคิดไปเองฝ่ายเดียว”

“ไม่เข้าใจ อะอึก จริงๆ เลย ฮือๆ คนใจร้าย”
ผมร้องไห้สะอื้นออกมาหนักขึ้นก่อนจะโผล่เข้าไปกอดเค้าเอาไว้ ไม่เข้าใจพ่อเลี้ยงคนนี้เอาซะเลยแถมยังไม่เข้าใจตัวเองด้วยว่าทำไมต้องร้องไห้
“ไม่เห็นจะเข้าใจ” ผมเอาแต่พูดคำๆ นี้แล้วกอดเค้าไว้แน่นขึ้นเรื่อยๆ พ่อเลี้ยงเองก็ด้วยเค้ากอดตอบผมก่อนจะผละออกไปแล้วกดจูบเบาๆ ที่เปลือกตาทั้งสองข้างเพื่อซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน ผมกระพริบตาถี่ๆ จ้องหน้าเค้าไม่รู้จะเขินหรืออยากร้องไห้ดี

“ตอนนี้ฉันอยากได้ทั้งเมียแล้วก็ลูกซึ่งเป็นฉันคนเดียวที่สามมารถครอบครองได้ เพราะฉะนั้นพอจะเข้าใจอะไรได้บ้างไหมเดือนสิบสอง J
เอาแต่ส่ายหัวไปมา ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจแต่ทำไมผมต้องยิ้มและรู้สึกตื่นตันใจขนาดนี้ด้วยละครับ
ผมรักเค้าอย่างที่ไทเปว่าเอาไว้แล้วใช่ไหม? รักโดยที่ไม่รู้ตัวเลย

“ฮือๆ” ร้องไห้ซะงั้น ทำอะไรไม่ถูกเพราะผมไม่เคยเจออะไรแบบนี้ ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนผมก็เที่ยวเตร่ออกจะบ่อยเจอกับพูดหวานหูมากมายแต่ทำไมคำพูดของผู้ชายคนนี้ถึงทำให้ผมจุกจนพูดอะไรไม่ออกเลยละครับ ที่จุกเพราะดีใจต่างหากละ

“กลับตรังกับฉันนะเดือนสิบสอง ที่ฉันมาก็เพราะอยากจะตามเมียกลับบ้านแต่ที่ไหนได้ดันมีลูกกลับไปด้วย

“บ้า”
>/////////////////< จะไปเขินทำไม?

“ฮาๆ เวลาเขินก็น่ารักเหมือนกันนะเนี่ย แต่ก่อนกลับบ้านเรามาเล่นอะไรสนุกๆ ดีกว่า” ผมจ้องหน้าเค้าขมวดคิ้วยู่หน้าใส่ อะไรละที่ว่าสนุกๆ นะไม่ใช่ว่า
“อย่างที่คิด”

“อ๊ะ! ไม่เอาไม่เล่น ปล่อยๆ พ่อเลี้ยงหื่น”
งื้ออออออออออออ
เชื่อผมว่าไม่รอดท่าทางของเค้ามันฟ้อง เสียตัว เสียท่าแถมยังเสียหัวใจให้เค้าอีก คุณหนูเพลียครับ ^_^





______________________________________

ครบ 100%

เม้นขยับ ค่อยอัพ

อยากอ่านเม้น... 
อย่ามัวแต่อ่านของเค้าสิให้เค้าอ่านเม้นบ้าง TwT
#น้อยจายยยยยยยยย

สาบาน ว่าสองคนนี้ง้อกันแล้วนะ ฮาๆๆๆๆๆๆๆ

39 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ22 มีนาคม 2557 เวลา 01:21

    มาต่อเร็วๆนะ
    สู้ๆ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ22 มีนาคม 2557 เวลา 01:30

    ต่อเร็วๆนะพี่แป้งสู้ๆค่ะ^^

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ22 มีนาคม 2557 เวลา 01:32

    มาต่อเร็วๆนะคะค้างมาก

    ตอบลบ
  4. ค้างคะมาต่อเร็จๆนะคะ

    ตอบลบ
  5. มาต่อค๊าาาา เร็วเร๊วววว

    ตอบลบ
  6. ต่างฝ่ายก็ต่างประชดกันและกัน แล้วจะคืนดีกันยังไงเนี่ย รอลุ้นนะคะ
    ู้
    ไรท์เตอร์ สู้ ๆ เน้อ

    ตอบลบ
  7. ต่อไวๆนะค่ะไรท์ ^^

    ตอบลบ
  8. ไม่ระบุชื่อ22 มีนาคม 2557 เวลา 11:00

    จะไปง้อเหรอเดือนสิบสอง =,,=

    ตอบลบ
  9. ไม่ระบุชื่อ22 มีนาคม 2557 เวลา 11:21

    มาต่อเร็วน้าา~

    ตอบลบ
  10. ไม่ระบุชื่อ22 มีนาคม 2557 เวลา 20:02

    มาต่อนะๆๆๆๆๆๆๆๆ

    ตอบลบ
  11. มาต่อเร็วๆน้าากำลังสนุกเลย
    เดือนสิบสองจะจัดการกับพ่อเลี้ยงยังไงน้าาาาา><

    ตอบลบ
  12. ไม่ระบุชื่อ23 มีนาคม 2557 เวลา 00:16

    พ่อเลี้ยงงงง ยอมคุณหนูซะที น่าสงสารจะตายยยย

    ตอบลบ
  13. เขินนน
    จะมาตามเมียได้ลูกกลับไปด้วยเลย
    หวานๆๆๆๆๆๆ

    ตอบลบ
  14. แอร๊ยยยย!!! ป๋าจอมหวานปนหื่นนะนั่นหน่ะ ชอบบบบบ
    ชอบเดือนสิบสองวีนๆแบบนี้แหละ น่ารักดี

    ตอบลบ
  15. อัพไว้ๆนะเขินเลยหวานมากเลย

    ตอบลบ
  16. ไม่ระบุชื่อ23 มีนาคม 2557 เวลา 03:01

    เรายังคอยเวลาที่ทำให้เราฟินนอยู่่นะค่ะ สู้ๆค่ะ

    ตอบลบ
  17. อ้ายยยย ง้อกันน่ารักมากกกกกกกก

    ตอบลบ
  18. ไม่ระบุชื่อ23 มีนาคม 2557 เวลา 04:42

    โอยยยยยยโหยววววววว น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกก พ่อเลี้ยงหื่นตลอดๆอ่ะ

    ตอบลบ
  19. น่ารักมาก ๆ อยากอ่านต่อแล้วสิ

    ตอบลบ
  20. ไม่ระบุชื่อ23 มีนาคม 2557 เวลา 06:23

    เขินจุงงงงงงงงงงง

    ตอบลบ
  21. ไม่ระบุชื่อ23 มีนาคม 2557 เวลา 08:13

    คุณหนูเขินว่างั้้น คึคึ

    ตอบลบ
  22. ไม่ระบุชื่อ23 มีนาคม 2557 เวลา 08:26

    ในที่สุดเดือนสิบสองก้อยอมรับหัวใจตัวเองสักที ฟินค้างอ่่ะ>///< มาต่อเร็วน่่ะค่่ะ จะรอ

    ตอบลบ
  23. ไม่ระบุชื่อ24 มีนาคม 2557 เวลา 03:50

    นี่ง้อกันแล้วเหรอ น่ารัก5555

    ตอบลบ
  24. เฮ้อออ ดีกันซะทีนะลุ้นแทบตาย

    ตอบลบ
  25. แน่ใจน๊ะเนื่ยว่าง้อแล้ว

    ตอบลบ
  26. ไม่ระบุชื่อ26 มีนาคม 2557 เวลา 04:11

    พ่อเลี้ยงมุ้งมิ้ง ♥

    ตอบลบ
  27. เครียดและฝุ้นมาตั้งนารในที่สุดก็ยิ้มได้

    อ๊ายขอหวานๆกว่านี้อีกอิอิอิอิ

    ตอบลบ
  28. อร๊ายยยพ่อเลี้ยงหวานเจร่ง

    ตอบลบ
  29. แอร๊ยยยยยยยยยยย ฟินเว่ออออออออออ อ่ะ เดือนสิบสองน่าร๊ากที่ซู้ดดดดดดดดดดดดดดด >/////<

    ตอบลบ
  30. อร๊ายยยยยยยย พ่อเลี้ยงพูดงี้แต่แรกก็จบแำหละ ชิ น่ารักกก
    เดือนสิบสิงมุ้งมิ้งน่ารักเว่ออออ

    ตอบลบ
  31. ไม่ระบุชื่อ16 ตุลาคม 2557 เวลา 07:40

    เย้ๆๆๆ ในทึ่สุดกะคืนดีกันได้ซะที
    ลุ้นตั้งนาน

    ตอบลบ