luscious,
9
ความรู้สึกว้าเหว่…
เดือนสิบสอง
ตลอดเวลาที่ผมนั่งอยู่บนเครื่องไม่รู้ทำไมหัวใจถึงรู้สึกแปลกๆ
และแน่นอนว่าผมเองก็ร้องไห้ด้วยจนคนที่นั่งข้างๆ
ต้องคอยถามอยู่ตลอดเวลาว่าเป็นอะไร?
ผมเลยต้องยิ้มกลบเกลื่อนและหยุดร้องไห้ก่อนที่คนอื่นๆ จะพลอยสงสัยไปด้วย
พอลงจากเครื่องผมก็รีบเดินออกไปทันทีเพื่อจะไปขึ้นรถแท็กซี่กลับคอนโด
ผมเชื่อว่านี้อาจจะเป็นสิ่งสุดท้ายในชีวิตที่เหลืออยู่รวมไปถึงเงินในบัญชีที่มีอยู่น้อยนิด…น้อยจนผมเกือบลืมไปแล้วด้วยซ้ำเพราะโดยปกติผมจะพกเงินสดหรือไม่ก็เช็คส่วนบัตรเครดิตไม่ค่อยได้ใช่เลย
L
ตลอดทางที่กลับมาคอนโดหัวใจมันกระตุกวูบอยู่เรื่อยๆ
จนผมชักจะไม่แน่ใจแล้วสิว่าที่กลับมากรุงเทพฯ ครั้งนี้…ผมพาหัวใจของตัวเองกลับมาด้วยหรือเปล่า?
ทุกอย่างเหมือนจะผ่านไปเร็วมาก
จนตอนนี้ผมกลับมานั่งอยู่ในห้องกว้างๆ ของตัวเองอีกครั้ง…ทำไมมันไม่เหมือนเดิม!!!
อะ…อึก ฮือๆ
ผมร้องไห้!!!
เดือนสิบสองไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนแต่ทำไมเมื่อได้ไปอยู่ที่ตรังการใช้ชีวิตและตัวตนกลับเปลี่ยนไปด้วย
ผมชักจะไม่เคยชินกับการอยู่คนเดียวแล้วสิครับ!!!
มันเหงา…
ครืด
ครืด
ผมปรับเสียงสะอื้นของตัวเองให้เป็นเหมือนเดิมก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
ชื่อของไอ้จาก็โชว์หราทันที…ท่าทางมันจะเป็นห่วงผมซึ่งต่างจากใครอีกคนที่ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องไปนึกถึงเค้าด้วย
“ว่าไง?”
ผมคิดว่าเสียงของตัวเองน่าจะเป็นปกติดีแล้วนะ แต่ทำไมมันถึงได้เศร้าแบบนี้
“มึงร้องไห้หรือเปล่า”
ไอ้จาถามด้วยความเป็นห่วง
“กูนะเหรอจะร้อง
ตลกแล้ว…ว่าแต่มึงโทรมามีอะไร?” ก็ก่อนที่มึงจะโทรมานะร้องไห้ไปแล้ว
ตอนนี้ก็แค่เสแสร้งว่าไม่ได้ร้อง
L
“เผื่อมึงจะเปลี่ยนใจ”
“ไม่เปลี่ยนแล้ว
ถ้าไม่มีอะไรก็แค่นี้นะกูจะออกไปข้างนอก” โกหกเพราะยิ่งคุยกับไอ้จามากๆ
ผมยิ่งนึกถึงใครบางคนจนอยากจะร้องไห้ออกมา
“โห่ไอ้คุณหนู
ถ้ากูเดาไม่ผิดมึงเพิ่งถึงคอนโดแทนที่จะพักผ่อนเสือกอยากออกไปเที่ยว”
มันด่าผมอย่างเคยแต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแต่ละคำก็เพราะเป็นห่วง หึ!
น่าขำตัวเองชะมัดเลยเดือนสิบสอง
“ชีวิตกูก็มีอยู่แค่นี้
บางทีคืนนี้กูอาจจะได้เพื่อนใหม่แล้วลืมมึงก็ได้”
“ได้เพื่อนใหม่กูไม่ว่า
แต่อย่าไปนอนกับใครอีกละกันไม่งั้นกูจะตามไปฆ่ามึงแน่!!!!!!”
คราวนี้ไอ้จาเหมือนจะเอาจริง
ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมอาจจะตอบได้เต็มปากว่าจะแคร์ไปทำไม เพราะทุกวันที่ใช้ชีวิตผมก็เที่ยวเตร่และนอนกับคนอื่นเค้าไปทั่ว
แต่ไอ้คำว่าทั่วแค่ครั้งละคนและคนๆ นั้นก็คบได้เป็นอาทิตย์ซึ่งมันยาวนานสุดแล้ว
“สิทธิ์ของกูนะ…” ผมไม่ได้เต็มใจตอบหรอกครับแต่พอนึกถึงใครอีกคนมันกลับทำให้ผมอยากพูดประชดออกไปแม้ว่าคนที่ได้ยินจะเป็นไอ้จาก็ตาม
“ไอ้…”
“ถ้าจะด่าเอาไว้กูกลับมาจากเที่ยวก่อนละกัน”
ติ๊ด!
ผมรีบกดตัดสายไปทันทีพร้อมๆ
กับน้ำตาที่ไหลออกมา การอ่อนแอไม่ใช่ทางเลือกที่ดีสำหรับผมเอาซะเลย…ทำไมถึงรู้สึกแย่ขนาดนี้นะ
พ่อ
แม่…เดือนสิบสองคิดถึง!!!
ผมไม่รอช้าที่จะกดโทรหาพ่อทันทีเพราะโดยส่วนใหญ่ผมกับแม่เราจะไม่ค่อยพูดกันมากนักจะเป็นพ่อมากกว่า
รอสายอยู่นานกว่าที่ท่านจะกดรับ
“ฮัลโหล
ว่ายังไงลูกรัก” น้ำเสียงของพ่อฟังดูดีใจมากที่ผมโทรหา ผมเองก็ด้วยรู้สึกมีความสุขเมื่อได้ยินคำว่าลูกรักก็แน่ละในเมื่อพวกท่านมีผมคนเดียวที่เป็นลูก
“ผมเหงา…” เสียงแหบพล่าติดสะอื้น ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ
เหงายิ่งกว่าตอนที่อยู่บ้านแล้วรับรู้ว่าพ่อกับแม่เอาแต่ทำงานจนไม่มีเวลามาสนใจผมซะอีก
“ถ้าเหงาก็มาหาพ่อกับแม่สิลูก
แล้วตอนนี้หนูอยู่ไหน”
“ผมอยู่คอนโด”
ผมตอบพ่อออกไปก่อนที่จะล้มตัวลงนอน…
“ลูกกลับมากรุงเทพฯ
ตั้งแต่เมื่อไหร่? แล้วนี่มีเงินใช้หรือเปล่า” พ่อรู้ได้ยังไงว่าผมกลับมาทั้งๆ
ที่ผมยังไม่ได้บอกท่านเลยว่าผมอยู่ที่ไหน
“พ่อรู้ได้ยังไงว่าผมกลับมากรุงเทพฯ”
“ก็ถ้าลูกไม่กลับมาจะอยู่คอนโดได้ยังไง
ในเมื่อก่อนหน้านี้พ่อโทรไปเช็คที่คอนโดลูกเค้าบอกว่าลูกไม่ได้เข้าไปอยู่เป็นเดือนแล้ว”
เหมือนพ่อกำลังแก้ตัวเพราะน้ำเสียงของท่านตะกุกตะกักมากๆ
แต่ผมก็ไม่อยากเซ้าซี้ถามอะไรมากเพราะบางทีผมอาจจะคิดไปเองก็ได้
“งั้นเหรอครับ”
“ว่าแต่มีเงินใช้หรือเปล่า”
“ในบัตรเครดิตยังมีเหลือครับ
แล้วพ่อกับแม่สบายดีไหม? ตอนนี้อยู่ที่ไหนกัน…” ผมอยากไปหาพวกท่านแต่ผมเองก็ไม่พร้อมจะเจอหน้าพวกท่านเหมือนกัน
ตกลงมันยังไงกันแน่
“พ่อกับแม่อยู่ที่…”
“คุณค่ะได้เวลาออกไปข้างนอกกันแล้วนะคะ…”
เสียงของแม่ดังแทรกขึ้นมาซะก่อนที่พ่อจะบอกผมว่าพวกท่านอยู่ที่ไหนกัน
แล้วที่แม่บอกว่าได้เวลาออกไปข้างนอก…พวกท่านจะไปไหนกัน
“พ่อกับแม่ต้องไปทำธุระแล้วนะลูก
เอาไว้พ่อจะโทรไปเล่าให้ฟังทีหลัง…รักลูกนะเดือนสิบสอง”
ตู๊ดๆๆๆ
ไม่ทันที่ผมจะได้พูดตอบอะไรออกไปพ่อก็ชิงตัดสายไปซะก่อน
น้ำตาที่ว่าจะหยุดไหลมันก็ไหลออกมาอีกจนได้ L
“เดือนสิบสองก็รักพ่อกับแม่นะครับ”
!!!
สุดท้ายก็เหงาเหมือนเดิม!!!!!!
ผมปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาจนพอใจแล้วก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำทันที
ใช้เวลาอยู่ในนั้นเป็นชั่วโมงก่อนจะเดินออกมาแต่งตัว ก็ยังดีที่เสื้อผ้าของผมพอเหลืออยู่บ้างถึงจะไม่มากเท่าที่บ้านก็ตาม
พอรู้ว่าที่นั้นจะไม่ใช่บ้านผมอีกแล้วทุกอย่างผมก็เลยทิ้งไปหมดไม่รู้จะขนมายังไง
ผมเลือกที่จะแต่งตัวตามสบายใส่เสื้อยืดคอวีสีขาวกับกางเกงขาสั้นสีน้ำตาลซึ่งนานๆ
ผมจะใส่ก็คนมันกลัวดำ TwT
เฮ้อ!
ทำไมผมถึงไม่ร่างเริงเหมือนเมื่อก่อนละครับ รีบๆ
กลับมาเป็นคนเดิมได้ไหมเดือนสิบสอง…
หงุดหงิดตัวเองก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อหาอะไรกิน
ตั้งแต่ออกมาจากตรังก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยแต่จะว่าไปผมรีบออกมาจนไม่ทันได้กินอะไรซะมากกว่า
-_-!
“ให้ตายสิ
แบบนี้มีหวังอดตาย!”
บ่นให้ตัวเองฟังพอเปิดตู้เย็นออกมาก็มีแค่น้ำเปล่าอยู่ไม่กี่ขวดเท่านั้น
มันหงุดหงิดเพิ่มเดินกลับเข้าไปในห้องหยิบกระเป๋าสตางค์ที่ไม่ได้ใช้งานมานานเปิดออกดูก็มีเงินสดเหลืออยู่ไม่ถึงหมื่นซึ่งเหลือจากวันที่ผมจะไปตรัง
พอดีตอนนั้นช็อกที่รู้ว่าพ่อแม่ล้มละลายเลยไม่มีอารมณ์เที่ยว…
“ถ้าไม่หางานทำมีหวังได้อดตายจริงๆ
นั่นแหละไอ้เดือนสิบสอง ว่าแต่ใครมันจะรับทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง”
บ่นให้ตัวเองฟังก็เท่านั้นเพราะผมดันไม่เอาไหนเอง
ส่ายหัวสงบสติอารมณ์ก่อนจะเดินลงไปด้านล่าง รถไม่มี รถเมล์ขึ้นไม่เป็น
ถ้านั่งแท็กซี่ไปอีกมีหวังเงินได้หมดเร็วกว่าเดิม…อะไรมันจะอาพับขนาดนี้
ฮึย!
อารมณ์เสีย!!!!!!!!
“อ้าว!
เดือนสิบสอง!”
ใครมันมาเรียกซะดังลั่นหน้าคอนโดเนี่ย อายคนนะเฟ้ยก็เลยต้องรีบหันไปมอง ผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้เดินเข้ามาหาผมด้วยความดีใจต่างจากผมที่ยืนขมวดคิ้วมองอยู่เพราะนึกสงสัยว่ามันเป็นใคร
“เดือนสิบสองจริงๆ
ด้วย” มันจับแขนทั้งสองข้างของผมก่อนจะเขย่าไปมาจนผมมึนหัวไปหมด
“เฮ้ย!
พอแล้วกูมึนแล้วนี่มึงเป็นใคร” ถามได้ตรงประเด็นดีมากก็ผมไม่รู้จักมันนี่ครับ
จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นใคร
“นี่คุณจำผมไม่ได้เหรอครับ
น่าน้อยใจชะมัด” ทำหน้าน้อยใจซะ
หล่อก็จริงแต่ตอนนี้ไม่มีอารมณ์คิดอะไรนอกจากคิดว่าหิวสุดๆ
จนแทบจะกินคนได้ทั้งคนอยู่แล้ว
“จำไม่ได้”
“ว้าน่าน้อยใจจัง”
“รู้จักกูเหรอ?”
ถามย้ำเพื่อความแน่ใจแต่ที่แน่ๆ ผมไม่รู้จักมันถึงรู้จักผมก็จำไม่ได้อยู่ดี -_-!
แย่ครับ!!!
“ครับ
เราเคยเจอกันที่ผับแต่ตอนนั้นคุณเมา”
โธ่ชีวิต!
นึกว่าจะรู้จักกันในที่ดีๆ กว่านี้แต่ที่ไหนได้ดันเจอกันที่ผับ
ถ้างั้นก็สมควรแล้วที่จะถูกลืมเพราะถึงยังไงตอนนั้นผมก็เมา
“งั้นก็ดี ช่วยอะไรหน่อยสิ”
พอได้ยินผมพูดขอความช่วยเหลือเข้าหน่อยถึงกับยิ้มหน้าบานแล้วรีบกรูเข้ามาใกล้กว่าเดิมอีกจนได้
“ว่ามาเลยครับ”
“ช่วยพาไปส่งที่ซุบเปอร์มาเก็ตแถวนี้หน่อย”
อย่างน้อยก็ยังดีกว่าเดินแม้ว่าคนตรงหน้าผมจะไม่รู้จักก็ตาม
แต่มันดันมารู้จักผมเองทำไม
หึหึ!!!
ไม่ได้ใจง่ายนะ
ก็แค่ประหยัดค่าใช้จ่าย…
“ได้สิครับ
งั้นรอผมแป๊บขอไปเอารถก่อนครับ”
ผมพยักหน้ารับก่อนจะยืนรอสักพักมันก็ขับรถมาจอดตรงหน้าบีเอ็มรุ่นใหม่ล่าสุดซะด้วย
รวยใช้ได้นะเราแต่ช่างเถอะตอนนี้ขอไปให้ถึงซุบเปอร์ฯ ก่อนละกัน…นั่งเงียบอยู่ในรถได้สักสิบนาทีมันก็พาผมมาจอดหน้าซุบเปอร์ฯ
ทันทีเพราะว่าระยะทางไม่ไกลอะไรมากแต่ถ้าเดินก็ร้อนตับแล๊บได้ครับ
“ขอบใจนะที่มาส่งเอาไว้จะเลี้ยงข้าวตอบแทน”
รีบบอกลาก่อนจะเดินลงจากรถ แต่หมอนี่กลับร้องเรียกผมซะก่อน
“งั้นผมขอฝากท้องมื้อนี้เลยได้ไหมครับ”
อยากจะบอกว่าหน้าด้านซะมัดแต่พูดไม่ได้เพราะถึงยังไงหมอนี่ก็พาผมมาส่งมาถึงที่ทั้งๆ
ที่เราแค่เคยเจอกันในผับเท่านั้นและผมเองก็จำมันไม่ได้ด้วย
“อืม”
“งั้นรอผมแป๊บ”
ยืนรออีกตามเคยเพราะหมอนี่ขับรถไปจอดก่อนจะรีบวิ่งกลับมาหาผมที่ยืนรออยู่ตรงหน้าประตูทางเข้า
อันดับแรกของการมาซื้อของต้องมีตะกร้าหรือไม่ก็รถเข็นสินะ
“เดี๋ยวผมไปเอารถเข็นให้ละกันครับ”
พอผมกำลังจะเดินไปที่รถเข็นเสียงหมอนี่ก็ดังขึ้นมาซะก่อน
ผมก็เลยพยักหน้าตอบกลับไปแทน…สบายไปเลยสิคราวนี้
รถเข็นพร้อม
คนเข็นให้ก็พร้อมผมก็เลยเดินนำหน้าทันทีตรงไปยังมุมที่เค้าขายอาหารแช่แข็งทันที
ถ้าจะให้ผมทำกับข้าวให้กินนะเหรอ?
อย่าหวังเพราะผมทำอะไรไม่เป็นนอกจากจะกินอย่างเดียว ต้มมาม่าเป็นก็ดีแค่ไหนแล้ว…
“กินของพวกนี้ได้ไหม?”
ผมหันไปถามคนที่ยืนอยู่ด้านหลังหมอนี่มองหน้าผมก่อนจะยิ้มให้แล้วเดินมาตรงหน้าพร้อมทั้งหยิบของที่ผมถืออยู่ไปวางไว้ที่เดิม
“ว่าแล้วทำไมคุณถึงผอมแบบนี้ก็เพราะกินแต่อาหารแช่แข็งนี่เอง”
“ง่ายๆ นะ
กูทำกับข้าวไม่เป็นและถ้าอยากให้ตอบแทนละก็ ไอ้นี่ดีที่สุดแล้วก็แค่พากลับไปอุ่น”
หมอนี่พูดจากับผมได้สุภาพมากซึ่งต่างจากผมที่พูดจาหยาบคายใส่
“งั้นมื้อนี้ผมเลี้ยงคุณเองดีกว่า
แต่ผมขออะไรอย่าหนึ่งได้มั้ยครับ”
ผมเงยหน้าขึ้นไปสบหน้าหมอนี่ที่พูดแล้วยิ้มอยู่ตลอดเวลาด้วยความสงสัย
“อะไร?”
“ขอใช้ครัวคุณหน่อย
เพราะผมจะทำกับข้าวให้คุณกิน…ไปซื้อของสดกันเถอะครับ”
“เฮ้ย!
เดี๋ยวสิแล้วมึงทำเป็นเหรอ?”
ไม่ตอบครับแถมยังลากผมเดินไปที่มุมขายผักกับเนื้อสัตว์อีกต่างหาก
ผมก็เลยปล่อยไปและเดินตามอย่างว่าง่ายก็ดีเหมือนกันอย่างน้อยไม่ต้องออกตังค์เองแถมยังได้กินของฟรีอีกต่างหาก
ก็แค่ยอมใจกว้างให้หมอนี่เข้าห้องผมได้…แค่วันนี้เท่านั้นแหละนะ
!!!
“นี่ตกลงทำเป็นแน่นะ”
พอผมกลับถึงคอนโดผมก็ร้องถามอยู่อย่างนี้ซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายครั้ง
หมอนี่ซื้อของมาเยอะมากและถ้าให้กินกันสองคนคงไม่หมดแถมค่าใช้จ่ายทั้งหมดผมก็ไม่ต้องออกสักบาทหมดไปเกือบสองพันรวมเครื่องดื่มด้วย…แต่ไม่ใช่แอลกอฮอร์นะครับจะเป็นพวกน้ำผลไม้กับน้ำเปล่าซะมากกว่า
“คุณไปนั่งดูทีวีรอได้เลยครับ”
“แน่ใจนะว่าจะกินได้”
“ผมทำกินเองออกบ่อยครับ”
“งั้นก็ได้”
ใจง่ายไปรึเปล่าเดือนสิบสอง
แต่ช่างเถอะครับเพราะถึงยังไงผมก็แค่รอกินแล้วไปรอลุ้นตอนนั้นดีกว่าว่าจะกินได้ไหม?
นั่งดูทีวีไปเรื่อยๆ จนเวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมงท้องผมก็เริ่มร้อง…หิวแล้วๆ เมื่อไหร่จะทำเสร็จหรือจะทำไม่เป็นอย่างที่โม้เอาไว้กันแน่
“เดือนสิบสอง”
ขวับ!
ผมรีบหันกลับไปตามเสียงเรียกก็ปะทะเข้ากับคนที่เดินมาเรียกจนปลายจมูกเราเกือบชนกัน
หมอนี่มาแบบไม่ทันตั้งตัวแต่พอผมตั้งตัวได้ก็รีบขยับตัวหนีทันที
“ขอโทษที่ทำให้ตกใจครับ
ผมแค่จะมาบอกว่าอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว”
“งั้นเหรอ?”
ผมเสมองไปทางโต๊ะอาหารก็เห็นว่ามีวางอยู่เต็มโต๊ะแล้วก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปดู
เหลือเชื่อของน่ากินทั้งนั้นแถมสามสี่อย่างแนะครับ
ไม่อยากจะคิดว่าหมอนี่จะเป็นคนทำเองทั้งหมด
“นี่อย่าบอกนะว่าทำเองหมดเลย”
ผมหันไปมองหน้าคนที่ยืนอยู่ด้านหลังก่อนจะหันกลับมาสนใจอาหารตรงหน้าต่อ
“ครับ
แต่ผมไม่รู้ว่าคุณชอบกินอะไรบ้าง”
“ทำมาก็กินได้หมดนั่นแหละ
ว่าแต่จะอร่อยหรือเปล่า” ผมขมวดคิ้วเป็นเชิงสงสัยก่อนจะนั่งลงหมอนี่ก็ทำหน้าที่ต่อโดยการตักข้าวใส่จานให้ผมก่อนจะตักใส่จานตัวเองแล้วเดินไปนั่งฝั่งตรงข้าม
“ลองกินดูสิครับ”
ปลากะพงนึ่งมะนาว
ต้มยำกุ้ง ผัดผักรวมมิตรใส่หมูด้วย แล้วก็ไข่เจียว แล้วก็บลาๆ
ซึ่งมันมากกว่าสี่อย่างที่ผมพูดไปเมื่อกี้
“คราวหลังไม่ต้องทำเยอะแยะแบบนี้นะแค่สองอย่างก็พอแล้ว
รู้ไหมว่ามันสิ้นเปลือง!!!”
มันเงยหน้าขึ้นไปสบตาหมอนี่ก่อนจะก้มลงมาตักอาหารใส่จานตัวเองแล้วก็ตักเข้าปาก
“อร่อยดีนี่”
นี่คือสิ่งเดียวที่ผมสามารถพูดออกมาได้ แสดงว่าหมอนี่ไม่ได้โม้จริงๆ
“ขอโทษครับ ผมแค่อยากโชว์ฝีมือ…ว่าแต่เมื่อกี้คุณพูดเหมือนอนุญาตให้ผมเข้ามาทำอาหารได้อีกเลยนะครับ”
“ชิส์!
ครั้งเดียวก็พอแล้ว” รีบแก้ตัวทันทีเพราะถ้ามาหลายๆ
ครั้งมีหวังผมอ้วนพอดีเพราะอาหารที่หมอนี่ทำมาแต่ละอย่างอร่อยทั้งนั้นเลยครับแถมดูน่ากินทุกอย่างเลยด้วย
“ทำไมไม่กิน”
“แค่เห็นคุณกินแล้วอร่อยผมก็อิ่มแล้วครับ”
“อย่าเวอร์
กินสิกูกินคนเดียวไม่หมดหรอกนะ” ผมว่าก่อนจะตักปลาใส่จานให้หมอนี่
แล้วคะยันคะยอจนเจ้าตัวยอมกิน…
สุดท้ายผมก็กินอิ่มไปอีกมื้อโดยที่ตัวเองไม่ต้องออกตังค์สักบาท
!!!
“นี่!
มึงชื่ออะไร?” หลังจากที่กินข้าวเสร็จผมก็เดินกลับมานั่งดูทีวีเหมือนเดิมส่วนอีกคนนะเหรอ
ทำหน้าที่เก็บจานไปล้างทั้งๆ ที่ผมเป็นเจ้าของห้องแท้ๆ
แต่แทบไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากนั่งรอแล้วก็กินอย่างมีความสุข
“ผมนึกว่าคุณจะไม่ถามซะอีก”
“พูดมาก
ตอบมาสิจะได้จำไว้” ถึงผมจะเป็นคนขี้ลืมไปบ้างแต่อย่างน้อยกับคนที่ทำอาหารให้กินมื้อนี้ผมคงไม่มีทางลืมหรอก(มั้ง)ครับ
“ผมชื่อ…”
ครืด
ครืด
เสียงโทรศัพท์ผมดังมาซะก่อนที่หมอนี่จะบอกชื่อ
ผมเลยต้องยกมือห้ามไว้ก่อนแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย ไม่พ้นจากไอ้จาที่โทรมา
“โทรมาทำไมอีก”
ผมรีบทำเสียงเหวียงใส่มันทันที
“คนเค้าเป็นห่วง”
“ห่วงหรือจะโทรมาเช็คว่ากูไปเที่ยวไหนหรือเปล่า?”
ผมว่าไอ้จาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจออกมา
“เออ!
ยอมรับแต่อย่างน้อยก็เป็นห่วงด้วยแล้วนี่กินอะไรหรือยัง”
“ไอ้สัด!
อย่ามาถามไถ่เหมือนเป็นแฟนกันกูเลี่ยน” ผมรีบด่ามันไปทันทีอยากจะขำเพราะไอ้จาเองก็ห่วงผมเกินเหตุทั้งๆ
ที่มันไม่ได้มีอะไรน่าเป็นห่วงเลยด้วยซ้ำ
“ตอบมาเหอะ”
“กินแล้ว”
“อาหารแช่แข็งหรือเปล่า?”
ไอ้จารู้ดีว่าผมทำอะไรไม่เป็นนอกจากสร้างเรื่องไปวันๆ
ต่างจากมันที่ทำกับข้าวอะไรสุดๆ ซึ่งผมได้กินฝีมือมันออกบ่อย
“เปล่า!
มีคนทำให้กิน”
“ใคร”
คราวนี้เสียงดุกว่าเดิมจนผมต้องหันไปมองหน้าใครอีกคนที่ยืนล้างจานอยู่
แต่บางครั้งหมอนี่ก็เหลือบมามองผมด้วยเหมือนกันครับ J
“ตกลงมึงเป็นเพื่อนหรือแฟนกูครับ”
“เพื่อน
แต่มึงนะเมียพ่อกู!!!!
กูเลยต้องรู้เอาไว้…”
กึก!
จากที่ยิ้มออกเมื่อกี้กลับสะอึกทันทีเพราะว่าผมลืมไปเลยด้วยซ้ำว่าก่อนหน้านี้นึกถึงใครอยู่
แต่พอมีเพื่อนกับทำให้ลืมไปว่าผมกำลังวิ่งหนีอะไรบางอย่าง…
ทำไมต้องนึกถึงอีกวะเนี่ย?
“เฮ้ย!
ไอ้คุณหนูกูขอโทษ”
“กูไม่…อะ อุ๊บ!!! แค่นี้นะ…”
ผมรีบกดวางสายทันทีก่อนจะวิ่งไปเข้าห้องน้ำเพราะสมองและร่างกายกำลังทำงานผิดปกติจนอาหารที่ผมกินเข้าไปก่อนหน้านี้อ้วกออกมาจนหมด
อะ
อ้วกกกกก กก
แค่ก
แค่ก…
ขาทั้งสองข้างไม่มีเรี่ยวแรงด้วยซ้ำไป
หอบหายใจถี่ๆ สำลักทุกอย่างที่กินเข้าไปออกมาจนหมด แทบอยากจะร้องไห้เพราะผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนแถมอาหารที่กินไปเมื่อกี้มันก็น่าจะสะอาดดีทุกอย่างนี่
“นี่ครับน้ำ
คุณไหวไหมเดือนสิบสอง”
ผมรับแก้วน้ำที่หอมนี่พาวิ่งมาให้ถือเอาไว้ก่อนที่จะดื่มมันจนหมดแก้วเพระร่างกายเหมือนกำลังขาดน้ำอย่างมากเลยทีเดียว
“เดี๋ยวผมช่วย”
ร่างทั้งร่างแทบไม่มีแรงจะเดินออกไปจากห้องน้ำด้วยซ้ำดีนะที่ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่คนเดียวไม่งั้นคงแย่
“กูโอเคแล้ว
ช่วยกลับไปก่อนได้ไหม?”
“แต่ผมว่าคุณควรจะไปให้หมอตรวจดูนะครับ
หรือบางทีอาหารที่ผมทำอาจจะเป็นพิษก็ได้” คนข้างๆ พูดขึ้นมาสีหน้าเศร้าเชียวครับ ผมเลยต้องฝืนยิ้มให้ทั้งๆ
ที่ร่างกายแทบแย่ออกไป
“จะบ้าเหรอ?
สงสัยโรคกระเพราะจะกำเริบ…กลับไปก่อนได้ไหมขอร้อง”
“ก็ได้ครับ แต่ถ้ามีอะไรก็อย่าลืมโทรหาผมนะเพราะผมพักอยู่คอนโดนี้เหมือนกัน…ส่วนนี่นามบัตรผม พักผ่อนให้เยอะๆ นะครับ”
จะใจดีเกินไปหรือเปล่า
ผมยิ้มก่อนจะยื่นมือรับนามบัตรหมอนี่มา ไม่ได้เดินออกไปส่งด้วยซ้ำ
รู้แค่ว่าพอใครอีกคนเดินออกไปแล้วผมก็นอนลงบนโซฟาทันทีเลย…
เดือนสิบสองแย่แล้ว!!!
ทำไมร่างกายถึงไม่มีแรงแบบนี้
แถมยังรู้สึกแย่อีกต่างหาก…
L
__________________________________________
เม้นๆ เจิมนะคร้าบบบบบบบบบ ^^
ครบ!!!!
นางใจง่ายพาผู้ชายเข้าห้อง สามีรู้ตายแน่...
ฮาๆๆๆๆๆๆๆๆ #ใครรอนางท้องสมใจแล้วนะ เย้ๆ
นางใจง่ายพาผู้ชายเข้าห้อง สามีรู้ตายแน่...
ฮาๆๆๆๆๆๆๆๆ #ใครรอนางท้องสมใจแล้วนะ เย้ๆ
คนนี้ใครเอ่ย?
ตอบลบจาวาหรอ?? มาต่อเร็วๆนะคะ
ตอบลบรออยู่นะค่ะ
ตอบลบว้ายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คนนี้ๆๆๆๆๆๆๆๆ เค้าร้ากกกกกกกกกเลย
ตอบลบใครอ่ะ ??? หล่อแระน่ารักด้วย คริคริ
ตอบลบมาต่อเร็วๆนะคะ 😆😆😆
ตอบลบต่อๆๆๆๆ
ตอบลบเมื่อไหร่จะมารับเมีย
ตอบลบค้างงงง่ะ มาต่อเร็วๆๆนะคะ
ตอบลบพ่อจอมพลมารับเดือนสิบสองเร็วๆสิครับ //แอ็บแบ๊วเป็นเดือนสิบสอง - -♥
ตอบลบเค้ารอต่อยุน้าาาา อยากให้เดือนสิบกลับแล้วอ่ะกลับไร่ปาล์มกันนะ
ตอบลบชอบๆๆๆ เค้าชอบบบ คนนี้
ตอบลบเมื่อไหร่จะมารับน้องเดือนสิบสองกลับตรังสักทีเนี่ย
ตอบลบเดือนสิบสองหนูเหงาก็กลับไปตรังเหอะน่าขอร้อง5555
ตอบลบรอให้สองคนกลับมาอยู่ด้วกัน;)
รอนะๆๆๆๆ
ตอบลบมาต่อเร็วๆนะ เด่วเดือนสิบสองจะเหงานาน
ตอบลบรอออออออออออออออออออออออออออออออออ
ตอบลบคุณหนูน่าสงสารอ่ะ มารับไวๆนะคุณสามี คึคึ
ตอบลบไม่เอาดราม่ากว่านี้นะฮะ~ TT
ตอบลบอ้วก ท้องเปล่าเนี่ย กร๊ดดดดด อยากอ่านต่อ
ตอบลบชอบ ชอบมาก ชอบโคตรๆ>.<
ตอบลบอ๊ายๆๆๆฟินอ่ะท้องแล้ว
ตอบลบมาต่อไว้ๆนะรออยู่จ้า
เดือนสิบสองนางจะท้องแล้วใช่มั้ยยยย
ตอบลบรอตอนต่อไปน้า มาเร็วๆๆๆๆๆ ><
คนนี้ คนนี้ เค้ารักเลยยย ^__^
ตอบลบปล. อัพ จงอัพ จงอัพ จงอัพ เพี้ยง..!?
ท้องแล้ว ฉลองงงงงง!!!!
ตอบลบท้องแล้ว ท้องแล้ว คุณพ่อเลี้ยงมาตามเมียกลับด่วนจ้า
ตอบลบ^w^
มาต่อเร๊วววววววววว
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบมาต่อเร็วๆนะค้าาาาาารออยู่ เย้เดือนสิบสองท้องแล้ว
ตอบลบท้องแน่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ตอบลบกรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด
สามี จะรู้ยังนะ
ท้องแน่ คุณหนูท้องแล้ววววววววว
ตอบลบพ่อเลี้ยงรีบมารับผิดชอบให้ไวเลยนะเว้ยยยยย
ว๊ายยยย ตายแร้วววว
ตอบลบนี่หนูท้องแร้วหรอเนี่ย!!!!! กริ๊ดดดดด
ว่าแต่อิคุนพ่อเลี้ยงรู้หรือยังเนี่ยว่าตอนนี้เมียแกกำลังท้อง!!!!
ท้องแล้ววววววว
ตอบลบอัพต่อเร็วๆนะจ้ะ ^^
กรีดดดดดดดดดดดดดดดดดดด เดือนสิบสองท้องแร้วอ่ะ แอร๊ยยยยยยยยยจะเป้นงัยต่ออ่ะ แอร๊ยเขิลลลลลลลลลลล ><
ตอบลบอ้วกอย่างนี้ เดือนสิบสองแพ้ท้องป่าวเนี่ย รอพ่อมจอมพลมาป้อนยา ♥
ตอบลบท้องแล้วใช่มั๊ยๆ กรี๊ดดดดดดดด
ตอบลบเดือนสิบสองคนงาม กลับจากตรังยังไม่ทันข้ามวันพาหนุ่มหน้ามล คนไม่รู้จัก(ชื่อ แต่หล่อโฮก)
ตอบลบเข้าห้องซะแล้ว นางฮอตจริง จริ๊ง แถมหนุ่มยังเซอร์วิสสุดฤทธิ์อีกอ่ะ โอ๊ย!!! อิ จ ฉ า
ระหว่างที่นางแพ้ท้องอยู่ที่ีคอนโด น่าจะมีคนดูแลแทนป๋าจอมพลแล้ว
ถ้ามาช้าป๋าจอมพลมีคู่แข่งแน่ เด็กกว่า อ่อนโยนกว่าด้วย หึ หึ
ท้องแว้วววววววววววววววว
ตอบลบรอต่อไปคับป๋มมม
ตอบลบเดือนสิบสองหนูใจง่ายไป
ตอบลบแต่ไม่ได้สนใจ เพราะมัวแต่ไปสนอาการนาง
มาแล้วๆเริ่มแพ้ท้องแล้ว ฟิน>///<
ท้องๆๆๆๆๆ คนนี้ใจดีจังเชียดีไหมมม อิพ่อเลี้ยงชั่งมันนนน
ตอบลบอาการแพ้ท้องใช่ปะเนี่ยยย ดีใจๆๆท้องแล้ว
ตอบลบ