วันจันทร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2557

luscious, 16




luscious, 16
ระยะเวลาพิสูจน์ใจ




เดือนสิบสอง
ผมนั่งกินอาหารที่พี่หวานทำให้กินอย่างมีความสุข อาการแพ้ท้องก็เข้ามาเรื่อยๆ แต่ไม่มากสักเท่าไหร่หรือง่ายๆ จะมาเป็นพักๆ ไม่ให้ตั้งตัวสักเท่าไหร่ แต่พอเห็นว่าพี่เทพ(อุ๊ต๊ะ! สามีผมคงไม่ว่าหรอกครับ)เดินกลับมาคนเดียวก็นึกสงสัยว่าตาแก่หายไปไหนพอถามก็เฉไฉเหมือนไม่อยากจะตอบผมเลยต้องเป็นฝ่ายเดินไปดูเอง
ไม่ได้หึงนะครับ แต่คนนี้ของผมใครก็ห้ามยุ่ง!!! ชิส์
“เดือนสิบสอง” สองพ่อเลี้ยงยังคงดังขึ้นมาเรื่อยๆ ในขณะที่ผมก็ตั้งหน้าตั้งตาเดินหนีออกมา หมั่นไส้ เจ็บใจ ให้ตายสิทำไมถึงรู้สึกไม่ชอบใจแบบนี้เลยนะเนี่ย
แทบจะทึ่งหัวของตัวเองทิ้งกับความคิดมากมายที่ก้าวเข้ามา ผมไม่ได้หึงนะจริงๆ TwT


“เดือนสิบสอง” เรียกอยู่ได้ให้ตายสิ อยากจะบ้าตายคนกำลังสับสนอยู่ระหว่างคำว่าหึงกับไม่พอใจ

“นี่พ่อเลี้ยง” ผมหยุดเดินก่อนจะหันกลับมามองคนที่เดินตามอยู่พร้อมทั้งเรียกชื่อของเค้าเอาไว้ พ่อเลี้ยงหยุดเดินมองหน้าผมแบบสำนึกผิดมากๆ เลยละครับ

“ครับ” เชื่องเชียวนะ

“เราอยู่ห่างกันสักสองวันดีไหม?”

“เฮ้ย! ไม่ดี” พ่อเลี้ยงแทบจะพุ่งเข้ามาหาผมเลยทีเดียวพอได้ยินคำพูดของผมเมื่อกี้ แต่เสียใจผมรีบถอยห่างออกมาซะก่อน
“เดือนสิบสอง”

“ขอร้อง!!! L” ผมแทบอยากจะร้องไห้ ที่บอกเค้าไปเมื่อกี้ก็เพื่อจะลองใจตัวเองก็เท่านั้นเอง “ผมจะไปนอนห้องจา ถึงยังไงเราสองคนก็อยู่บ้านเดียวกันแค่ไม่ได้นอนด้วยกันได้ไหม?”
ผมไม่ได้โกรธเค้าหรอกครับ แต่ผมอยากพิสูจน์ความรู้สึกของตัวเองให้มากกว่านี้ก็เท่านั้นเอง

“ตอบว่าไม่ได้ได้ไหม?” น้ำเสียงของเค้าน่าสงสารมากๆ จนผมแทบทรุดหัวใจก็เต้นแรงเรื่อยๆ แต่ไม่ละ? ผมจะต้องไม่ใจอ่อน

“แค่สองวัน” ผมบอกเสียงแผ่ว อย่าหาว่าผมไม่รู้สึกแค่อยากใจแข็ง L

“เหมือนสองปี” พ่อเลี้ยงตอบสีหน้าเศร้ามากๆ

“พ่อเลี้ยงเค้าขอ!!!” ในเมื่อไม้แข็งใช้ไม่ได้ผล ผมก็ต้องใช้ไม้อ่อนคือพูดจาอ้อนเค้าอย่างน้อยก็น่าจะได้ผลบ้าง

“เฮ้อ! ก็ได้แต่แค่สองวันเท่านั้นนะอีกอย่างวันอาทิตย์เราก็ต้องไปงานวันเกิดคุณอรุณด้วยกัน ห้ามปฏิเสธถือว่าเค้าขอ”
ผมพยักหน้าให้เค้าก่อนจะส่งยิ้มจางๆ ไปให้ วันอาทิตย์ก็ครบสองวันพอดี คราวนี้แหละผมจะได้รู้สักทีว่าจะควบคุมความรู้สึกของตัวเองได้มากแค่ไหน ผมอยากปรับตัวและไม่อยากทำตัวเหมือนเด็กๆ อีกต่อไปแล้ว
ผมโตจนจะมีลูกมาเรียกแม่แล้ว เพราะฉะนั้นนิสัยเสียๆ ของผมก็ควรจะโยนทิ้งไปบ้าง ห้ามวีนเกินวันละสามครั้งหรือแม้แต่เหวี่ยงมากจนเกินไป หึงก็ด้วยห้ามเกินขีดจำกัดเดี๋ยวจะเครียดแล้วลูกจะพลอยแย่ไปด้วย

“งั้นเค้ากลับบ้านก่อนนะ” เรามองหน้ากันอยู่นานแต่ไม่มีใครพูดอะไรผมเลยเป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน

“ครับ”


หลังจากที่แยกกับพ่อเลี้ยงผมก็กลับมาที่บ้านขึ้นมาด้านบนก็เจอพี่แหวนยืนรออยู่ ผมมองหน้าเค้าก่อนจะยิ้มจางๆ ไปให้รู้สึกเหนื่อยจังเลยครับ
“ไม่สบายหรือเปล่าค่ะ”

“รู้สึกเหนื่อยๆ ครับ งั้นผมขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะครับ”

“ค่ะ”
แยกทางกับพี่แหวนผมก็เดินหายเข้าไปในห้องของไอ้จาทันที รู้สึกแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้สิครับ ก่อนหน้านี้ก็เคยอยู่ห่างกันมาแล้วแต่ตอนนั้นผมยังไม่รู้ว่าตัวเองรักพ่อเลี้ยงแถมยังไม่รู้ด้วยว่าตอนนั้นกำลังท้อง แต่พอมารู้ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป

“เฮ้อ! จะไหวไหมเนี่ยเดือนสิบสอง” ล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้าง รู้สึกเหนื่อยๆ ทั้งๆ ที่ผมเพิ่งจะตื่นเองหรือนี่เป็นอาการช่วงแรกๆ ของคนท้องที่มักจะง่วงและเพลียได้ตลอดเวลา นึกสภาพไม่ออกเลยครับถ้าผมท้องโตมากกว่านี้จะเป็นยังไง (- -)!!!
“อดทน อดทน อดทน ฮืออดทน!!! ไม่ไหวๆ เดือนสิบสองอด ไม่ทนแล้วสิ”
ทั้งๆ ที่เป็นคนบอกกับเค้าไปเองแท้ๆ ว่าอยากจะห่างกันสักสองวันแต่นี่อะไรผ่านไปไม่ถึงชั่วโมงผมก็แทบขาดใจแล้ว TwT

จอมพล
ผมฟังผิดหรือเปล่าที่เดือนสิบสองให้เราห่างกันสองวัน อยากให้สิ่งที่ได้ยินไม่ใช่เรื่องจริงเพราะผมทนไม่ได้หรอกกว่าจะตามกลับมาตรังได้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แล้วนี่อะไรจู่ๆ ก็ต้องห่างกันอีกทั้งๆ ที่เราอยู่บ้านเดียวกัน
“แหวนเดือนสิบสองละ” ผมร้องถามเมื่อเดินกลับมาที่บ้าน บอกตามตรงตอนนี้ไม่มีกระจิตกระใจจะทำงานแล้วครับ

“อยู่ในห้องค่ะ” ผมพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปที่ห้องแต่พอมาถึงหน้าห้องของตัวเองก็ต้องชะงักเพราะนึกถึงคำพูดของเดือนสิบสอง่าจะไปนอนห้องของจาวา แบบนี้ถึงเปิดประตูเข้าไปในห้องผมก็ไม่เจอหรอกครับ
ขอแหกกฎหน่อยละกันบอกกับตัวเองในใจก่อนจะเดินไปที่ห้องของจาวา เปิดเข้าไปก็เห็นว่าเด็กดื้อกำลังนอนหลับอยู่เลยครับ
ผมเดินเข้าไปใกล้ๆ เตียงก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ ทำทุกอย่างให้เบาที่สุดเพราะกลัวว่าเดือนสิบสองจะตื่น ผมยื่นมือข้างหนึ่งไปปัดปอยผมที่ปรกหน้าเดือนสิบสองออกไป ใบหน้าเรียวเล็กดูซีดจนผิดปกติ

“ไม่สบายหรือเปล่าเนี่ย” พูดไม่ทันขาดคำผมก็ยื่นมือไปแตะที่หน้าผากและบริเวณลำคอรู้สึกได้ทันทีว่าคนตรงหน้าตัวร้อนจี๋เลยทีเดียว
“ให้ตายสิ! เดือนสิบสองตื่นสิ”
ผมเขย่าคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องให้ตื่นขึ้นมา แต่เปล่าประโยชน์เพราะไม่มีวี่แววว่าเดือนสิบสองจะตื่นเลยครับและนั่นก็ทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเลย

“แหวน แหวนอยู่ไหนเนี่ย แหวน”

“ค่ะพ่อเลี้ยง”

“โทรตามหมอให้หน่อยเดือนสิบสองไม่สบาย เบอร์แปะอยู่ใกล้ๆ กับโทรศัพท์บ้าน”

“ค่ะๆ” แหวนรับคำผมก่อนจะวิ่งไปโทรศัพท์ส่วนผมก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ หยิบผ้าผืนเล็กชุบน้ำหมาดๆ มาเช็ดตัวให้คนที่นอนหลับอยู่เพื่อช่วยเบาเทาความร้อนที่ร่างกายกำลังสะสมอยู่ในตอนนี้
หมอมาถึงได้สักพักแล้วและกำลังตรวจอาการของเดือนสิบสองอยู่ส่วนผมก็ยืนรออย่างใจจดใจจ่อมากๆ เลยทีเดียวครับ รอว่าเมื่อไหร่หมอจะตรวจเสร็จสักทีคนมันใจร้อนเนี่ย
แอด///
หมอเดินออกมาแล้วผมยิ้มดีใจมากๆ ที่ผมออกมารอข้างนอกเพราะกลัวว่าจะอาละวาดใส่หมอที่ไปแตะต้องเมียผม คือแบบคนมันหวงเลยหึงมากไม่แคร์โลกเลยละครับเชื่อสิ!
“หมอเมียผมละ”

เป็นไข้หวัดธรรมดานะครับ แต่ร่างกายเหมือนจะอ่อนเพลียมากหมอเลยฉีดยากับให้น้ำเกลือไว้แล้วครับ”
ฉีดยา! เดี๋ยวนะแล้วหมอไปฉีดตรงไหนของร่างกายเมียผมเนี่ย ยืนจ้องหน้าหมอแบบสงบนิ่งมากๆ เพราะต้องควบคุมอารมณ์ตัวเอง
“แต่ภรรยาคุณตั้งครรภ์”

“ครับผมรู้”

“หมอยินดีด้วยนะครับ น้อยคนมากที่จะเจอตุการณ์แบบนี้ ถ้างั้นหมอขอตัวก่อนละกันส่วนยาสำหรับคนไข้หมอให้พยาบาลจัดให้แล้วครับ”

“เทพไปส่งหมอด้วย” หมอกลับไปแล้วรวมถึงคนอื่นๆ ก็ด้วยสรุปที่ตรงนี้เหลือก็แต่ผมคนเดียว ถอนสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างช้าๆ ก่อนจะค่อยๆ ผ่อนมันออกมาแล้วเดินเข้าไปหาเดือนสิบสองที่นอนหลับอยู่ ที่แขนด้านซ้ายมีสายน้ำเกลือโยงอยู่ผมรู้สึกแย่มากๆ ผมไม่รู้ว่าที่เดือนสิบสองไม่สบายจะเพราะเครียดหรือเปล่าแต่ที่แน่ๆ น่าเป็นห่วงที่สุดเลย
!!!

“ทำให้เป็นห่วงจนได้สินะเด็กดื้อ”
จุ๊บ >//////////<
ผมกดจูบลงที่หน้าผากของคนตัวเล็กก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างๆ โอบกอดเอาไว้อย่างทะนุถนอมต่อไปนี้ผมจะเป็นพ่อเลี้ยงที่ดื้อบ้างแล้ว ไม่ว่าจะขอร้องหรืออ้อนวอนมากแค่ไหนผมจะไม่ยอมทำตามเด็ดขาด ก็ดูสิพอทำตามแล้วเป็นแบบนี้
มันน่านัก!!!

ผมไม่รู้ว่าตัวเองเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ตื่นมาอีกทีท้องฟ้าก็ดูจะมืดสนิทไปซะหมด ผมแทบไม่อยากลุกขึ้นเลยด้วยซ้ำไปอย่าว่าแต่เดือนสิบสองที่เหนื่อยเลยครับขนาดผมเองยังเหนื่อยเลย จำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่าอดหลับอดนอนแบบนี้มากี่คืน ร่างกายอ่อนล้าชะมัด!
ว่าแต่เดือนสิบสองละเท่าที่จำได้ผมยังนอนกอดเค้าอยู่เลยนี่ครับ แต่ทำไมรู้สึกเหมือนผมนอนอยู่บนเตียงคนเดียว
“พ่อเลี้ยงผิดสัญญา”
ขวับ! พอได้ยินแบบนั้นผมก็รีบหันไปมองทันทีเห็นเดือนสิบสองกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้ใกล้ๆ กับหน้าต่างห้องราวกับว่านั่งมองผมอยู่นานแล้ว ผมค่อยๆ ขยับตัวเองให้ลุงขึ้นนั่งพิงหัวเตียงมองสบตากับเดือนสิบสองผ่านทางแสงสว่างด้านนอก วันนี้พระจันทร์เต็มดวงด้านนอกถึงดูสว่างผิดปกติ
แต่มันกลับทำให้ผมมองหน้าเดือนสิบสองไม่ถนัดจนต้องเอื้อมมือไปเปิดไฟหัวเตียงแต่กลับถูกร้องห้าม
“อย่าเปิดไฟนะ”

“ทำไมละ?” ผมร้องถาม ผมอาจจะมองหน้าเดือนสิบสองถนัดแต่เจ้าตัวอาจจะมองผมไม่เห็นก็ได้เพราะฝั่งที่ผมนั่งมันดูจะมืดสนิทเชียว

“ทำไมพ่อเลี้ยงผิดสัญญา” ไม่ตอบคำถามผมครับแต่กลับเป็นฝ่ายตั้งคำถามมาซะเอง ผมนั่งเงียบไม่ตอบจะให้ตอบอะไรละ? ในเมื่อผมไม่อยากทำตาม
“พ่อเลี้ยงนิสัยไม่ดี”

“เดือนสิบสอง”

“ห้ามพูด ฟังอย่างเดียว!

“ครับๆ” น้ำเสียงงอแงจนผมต้องยอมเลยทีเดียว ผมนั่งเงียบได้แต่ผ่อนลมหายใจเข้าออกอยู่อย่างนี้ฟังทุกคำพูดของเดือนสิบสองโดยไม่โตแย้งอะไรอีก

“รู้ไหมเค้าต้องพยายามแค่ไหนที่จะปรับตัวเอง อยากเป็นแม่ที่ดีของลูก อยากเป็นเมียที่ดีของพ่อเลี้ยง อะอึก ตะแต่ทำไมมันยากจัง”

” เดือนสิบสองไม่รู้หรอกว่าผมอยากจะโต้แย้งมากแค่ไหน ไม่ใช่แค่เค้าที่รู้สึกแบบนี้แต่ผมก็ด้วย ผมอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียวขนาดตอนนั้นที่เดือนสิบสองนิ่งและทำตัวเองเงียบๆ ผมกลับรู้สึกราวกับว่าคนที่อยู่ตรงหน้าผมไม่ใช่เดือนสิบสองแนะครับ

“แค่สองวัน อย่าว่าแต่สองวันเลยขนาดวินาทีแรกแค่เดินออกมาเค้ายังทรมาน ฮือๆ เหนื่อยจัง” เดือนสิบสองพูดของมาทั้งน้ำตา ผมเองก็ทรมานไม่ต่างกันหรอกครับ

“ถ้าเหนื่อยก็หยุดฝืนสิครับ”

“บอกแล้วห้ามพูด” เสียงสะอื้นพูดออกมาอย่างแผ่วเบา ผมพยุงตัวเองแล้วค่อยๆ ขยับลงจากเตียงเดินผ่านความมืดไปหาคนที่นั่งร้องไห้อยู่ตรงหน้า แววตาคู่เล็กมองสบตาผมผ่านแสงสว่างของดวงจันทร์ในยามค่ำคืน
แม้ว่าจะไม่สว่างเหมือนตอนเปิดไฟ แต่ถ้าคนตรงหน้าคือคนเดียวที่อยู่ในสายตาเราตลอดเวลา ทำไมจะมองไม่ออกว่าน้ำตาที่เปื้อนอยู่บนแก้มมันมากแค่ไหน?

“เค้าจะไม่อดทน จะไม่ทำตามและจะต่อต้าน เพราะถ้าเค้าทำตามก็เหมือนว่าทุกอย่างเค้ายอม” ผมนั่งยองๆ ลงตรงหน้าเดือนสิบสองจับมือเล็กทั้งสองข้างเอาไว้ประสานเข้ากับมือของผมอย่างอ่อนโยน
“และนั่นก็ไม่ใช่นิสัยที่แท้จริงเหมือนเราต่างฝ่าย ต่างฝืนเข้าหากัน”

“พ่อเลี้ยงจะทนได้เหรอ? นิสัยเค้ามันแย่มากๆ เลยนะ” เดือนสิบสองบีบมือผมแน่นขึ้นจากที่เมื่อกี้ผมแค่ประสานมือกับเค้าเท่านั้นเอง

“รู้อะไรไหม? ถ้าไม่ใช่เด็กนิสัยแย่ๆ คนนั้นที่ชอบทำตัวเองให้มีปัญหาไปวันๆ หรือแม้แต่เด็กที่ชื่อแปลกๆ อย่างเดือนสิบสอง คงไม่ทำให้พ่อเลี้ยงคนนี้รักได้หรอกครับ” ผมกดจูบเบาๆ ที่ฝ่ามือเล็กก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปสบตา



“อย่าพยายามเปลี่ยนตัวเอง แค่เราสองคนปรับตัวให้เข้าหากันก็พอแล้ว ยิ่งเราทำตัวออกห่างกันต่างฝ่ายก็ต่างรู้สึกแย่กันเปล่าๆ สู้เราช่วยกันปรับไม่ดีกว่าเหรอ”

“ดีจริงๆ เหรอ? แต่เค้ากลัวจะทำนิสัยแย่ๆ เหมือนเมื่อก่อน”
ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่เดือนสิบสองก็ยังกังวลอยู่ดีแถมยังมากกว่าเมื่อก่อนอีกครับ ยิ่งผมได้เห็นมุมมองนี้ของเดือนสิบสองกลับทำให้ผมรู้สึกมีความสุขเพราะนี่แหละครับคือสิ่งที่เด็กดื้อเปลี่ยนไปแต่มันเปลี่ยนไปในทางที่ดีนะครับ
“เค้าว่า

“ไม่ต้องว่าแล้ว แค่พยายามเปลี่ยนและควบคุมตัวเองแบบนี้แหละดีแล้ว รู้ไหมว่ามันน่ารักมากแค่ไหน นี่แนะๆ” ผมจับปลายจมูกเล็กส่ายไปมารู้สึกมันเขี้ยวอย่างบอกไม่ถูกเลยครับ ความน่ารักแบบนี้ทำให้ผมอยากจะขังเดือนสิบสองไว้ดูคนเดียวชะมัด
หึหึ!!!

“บ้าเหรอ”

“รู้ไหมว่าเราสองคนนิสัยเหมือนกัน”

“ชิส์! ตรงไหนไม่ทราบ”

“ก็ตรงนี้แหละ พูดไม่ทันจบก็ตั้งคำถามเถียงมาซะแล้วเมียใครเนี่ยน่ารักเสมอเลย” ผมรั้งใบหน้าของเดือนสิบสองลงมาใกล้ๆ พร้อมทั้งกดจูบที่หน้าผากอย่างแผ่วเบา
“ข้อตกลงสองวันเป็นอันยกเลิกนะ”

“ได้ไง”

“หรือจะทนสองวันเลยนะ ไม่ได้กอด ไม่ได้จูบ ไม่ได้หอมแก้มหรือแม้แต่ ก็ด้วย” ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะรั้งคนตัวเล็กที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ให้ลุกตามและเป็นฝ่ายลงไปนั่งที่เก้าอี้เองพร้อมทั้งรั้งเอวของเดือนสิบสองเอาไว้จับร่างเล็กให้นั่งลงบนตักกอดไว้จนแน่น

บ้าเหรอพ่อเลี้ยงหื่น พูดเรื่องนี้ก็ดีแล้ว ต่อไปนี้ห้ามจับเค้ากดอีกนะ”
-_-! ใคร ใครเป็นคนผิด เริ่มเปิดประเด็นทำไมเนี่ยไอ้พ่อเลี้ยงอดกดเมียเลยแต่มีเหรอจะยอม แค่เล้าโลมสักนิดก็ได้กินแล้วครับ

“ขอปฏิเสธ แต่ตั้งข้อเสนอใหม่ถ้าทนได้เกินสิบวินาทีเค้าจะยอม”

“ฮึย! แค่ห้าวินาทียังไม่รอดเลย ไม่เอาๆ ขี้โกงแล้วเนี่ย”

“นี่อย่าดิ้นสิอย่าลืมนะว่ามีสายน้ำเกลืออยู่ด้วย คนป่วยอะไรฤทธิ์เยอะจัง” ถ้าฤทธิ์ไม่เยอะก็ไม่ใช่เมียผมนะสิ เดือนสิบสองของผมต้องเหวี่ยงวีนแบบจัดเต็มถึงจะใช่และแน่นอนว่าทำให้ผมรักได้หัวปักหัวปำเลยทีเดียว

“พ่อเลี้ยงเค้าหิวอีกแล้ว ลูกก็หิว”

“เที่ยงคืน

“เค้าหิวววว !!!” ทำหน้าตาออดอ้อนเชียวครับ เที่ยงคืนก็ไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ บางทีผมคิดว่าเดือนสิบสองจะกลัวอ้วนบ้างแต่เปล่าเลยมาถึงขั้นนี้แล้วอย่าได้กลัวไปเลยครับ
สุดท้ายผมก็ยอมแพ้แล้วช่วยพยุงเดือนสิบสองลงไปด้านล่างก่อนจะให้นั่งรอที่โต๊ะแต่เจ้าตัวกลับไม่ยอมตามผมไปนั่งรออยู่ในครัวด้วย ส่วนผมก็ทำหน้าที่ของตัวเองด้วยการทำอาหารให้เมียกินตอนเที่ยงคืน

“ไม่ยักจะรู้ว่าทำอาหารเป็นด้วย”

“ก็ทำกินเองออกบ่อย”

“ว่าแล้วทำไมไอ้จะจาวาถึงทำเป็น” พอเจอสายตาพิฆาตของผมเข้าหน่อยก็เปลี่ยนน้ำเสียงทันที ผมไม่ค่อยชอบให้เดือนสิบสองพูดจาหยาบคายสักเท่าไหร่แต่พออยู่กับจาเข้าหน่อยไหลลื่นเลยละครับจนผมแทบห้ามไม่อยู่แนะ
“แค่คำเดียวทำดุ” แอบบ่นครับ

” ผมไม่ได้พูดอะไรได้แต่ยิ้มละส่ายหัวไปมากับท่าทางน่ารักๆ ของเดือนสิบสองก่อนจะหันมาสนใจของในตู้เย็นต่อ คิดอยู่ครับว่าจะทำอะไรให้เด็กดื้อกินดี

“พ่อเลี้ยงเค้าอยากกินข้าวผัด ไม่ใส่หมูแต่ใส่ผักเยอะๆ ลูกจะได้แข็งแรง” ผมค่อยๆ เงยหน้าไปมองคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ นึกสงสัยนิดหน่อยว่าตัวเองหูฝาดไปหรือเปล่า เดือนสิบสองเนี่ยนะอยากกินข้าวผัดแถมไม่ใส่หมูแต่ใส่ผักเยอะๆ
“มองหน้าหาเรื่องเหรอ เร็วๆ สิเค้าหิว”

“ครับๆ รอสักครู่เมียที่เคารพรัก”
ผมใช่เวลาแค่ไม่นานก็สามารถทำข้าวผัดที่น่ากินที่สุดในโลกให้เดือนสิบสองกินได้ มีแค่จาคนเดียวเท่านั้นที่เคยกินฝีมือของผมส่วนคนอื่นๆ ไม่มีครับ แต่ตอนนี้คงเปลี่ยนไปแล้วเพราะคนเดียวที่ผมจะทำให้กินคงมีแค่เดือนสิบสอง

“เหนื่อยไหม? ตอนเค้าตื่นแล้วพ่อเลี้ยงยังหลับอยู่เค้านั่งมองตลอดถ้าเหนื่อยก็พักผ่อนบ้างนะเค้าเป็นห่วง” แอบพูดให้ผมรู้สึกมีความสุขได้ตลอดเวลาจริงๆ เลยละครับ ขนาดนั่งกินข้าวอยู่แท้ๆ

“แล้วรู้ไหมเวลาเดือนสิบสองหลับมันน่ารักแค่ไหน คราวหลังถ้าหึงก็เหวี่ยงได้นะ อย่าเงียบ

“ทำไมละ? เค้ากำลังปรับตัวอยู่นะ”

“ก็ถ้าไม่เหวี่ยง เค้าจะไม่รู้นะสิว่าหึงมากแค่ไหนแล้วจะไม่รู้ด้วยว่ารัก”

“แค่นี้ก็รักจะบ้าอยู่แล้ว” เดือนสิบสองก้มหน้าลงไปตักข้าวผัดกินพูดอู้อี้ในลำคอแต่ผมก็ได้ยิน ท่าทางจะเขินครับถึงไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมเลย

“เค้าได้ยินนะ” ผมยื่นมือข้างหนึ่งไปขยี้หัวคนตรงหน้า “รักเดือนสิบสองเหมือนกันครับ”
>////////////////////<
ให้ตาย! เลี่ยนวะพ่อเลี้ยงตั้งแต่มีเมียเด็กผมมักจะทำตัวเด็กลงเสมอ
ว่ามะ





___________________________________
ครบ %
#อย่าปล่อยให้บ้านหลังนี้เงียบบบบบบบบบบบบ...


อิตาพ่อเลี้ยงของเจ้ ทำคนแก่หัวใจเต้นแรง...
แกจะทำตัวเด็กไปไหน 30 แล้วนะที่ร๊ากกกก
ฮาาาาาาาาาาาาา


จงเม้น จงเม้น จงเม้น
ถ้าอ่านแล้วไม่เม้น ไม่อัพ #ขู่ นี่พูดเลย
ฮาาาาาาาาาาาาาาาา

(หัวเราะอย่างสะใจ บ้าาาาาา!)


วันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2557

luscious, 15




luscious, 15
เดือนสิบสอง



          เดือนสิบสอง
ตรัง ไร่จอมพล
เย้ เย้!
“คุณหนูกลับมาแล้ว” เสียงเฮร้องลั่นเมื่อคนงานเห็นผมเดินลงจากรถท่าทางของพวกเค้าทุกคนดูจะดีใจกันมากๆ เลยละครับ ทำเอาผมเขินอย่างบอกไม่ถูกเลย แถมพวกเค้ายังยื่นดอกไม้มาให้ผมเต็มไปหมดเลยด้วย
>/////////////////<

“สามีรับดอกไม้ให้หน่อย” หลังจากที่เราสองคนปรับความเข้าใจกันและดูเหมือนว่าจะดีขึ้นผมก็กลับมาเรียกเค้าแบบนี้อีกครั้ง และเหตุผลที่ผมให้เค้ารับดอกไม้ให้ก็เพราะผมแพ้เกสรดอกไม้ทุกชนิดเลยก็ว่าได้

“ทำไมไม่รับเองละ?” ขี้สงสัยจัง แถมท่าทางของผมตอนนี้ก็ทำให้พวกคนงานต้องพากันหน้าเสียบางทีเค้าอาจจะคิดว่าผมเป็นพวกที่เข้าใจยากและไม่ชอบดอกไม้บ้านๆ แบบนี้ละมั้ง แต่เปล่าเลยผมชอบมากต่างหาก

“ก็แพ้เกสรดอกไม้นี่ เร็วสิรับให้หน่อยพวกคนงานรออยู่” จากเมื่อกี้ที่ผมเพียงแค่กระซิบบอกเค้าเท่านั้นแต่ตอนนี้กลับไม่ใช่เพราะท่าทางขัดใจของเค้าทำให้ผมต้องขึ้นเสียงวีน พวกคนงานร้องอ๋อกันไปตามๆ กันก่อนจะยิ้มแย้มอีกครั้ง

“พวกเราขอโทษนะครับที่ไม่รู้ว่าคุณหนูแพ้เกสรดอกไม้” คุณลุงคนงานเจ้าประจำที่ผมชอบไปกวนใจเอ่ยออกมา ผมเริ่มจะฟังภาษาของพวกเค้าได้บ้างแล้วละครับ ยิ่งฟังผมว่ามันสนุกหูมากกว่าไว้ว่างๆ จะให้พ่อเลี้ยงสอนบ้าง

“ไม่เป็นอะไรครับ” J
พอรับดอกไม้เสร็จทุกคนก็ดูเหมือนจะแยกย้ายกันไปหมดเหลือก็แต่คุณคมหัวหน้าคนงานที่ยังคงยืนอยู่ ส่วนคนข้างๆ ผมก็ไม่รู้นึกบ้าอะไรขยับตัวเข้ามาใกล้กว่าเดิมอีกต่างหาก

“มีอะไรคม” พ่อเลี้ยงเป็นคนตั้งคำถาม

“เปล่าครับ ผมแค่จะมาแสดงความยินดีกับนายที่พาคุณเดือนสิบสองกลับมาได้” คุณคมบอกพร้อมกับรอยยิ้มก่อนจะเดินจากออกไป เค้าเป็นคนเดียวที่ไม่ได้ถืออะไรมาให้ผมนอกจากคำยินดี แต่ก็ช่างเถอะเพราะผมก็ไม่ได้คิดอะไรมากอยู่แล้วนี่

“ท่าทางไอ้คมจะแปลกๆ หรือฉันคิดไปเอง” พ่อเลี้ยงแอบบ่นก่อนจะรั้งเอวผมเข้าไปกอดเอาไว้แล้วพาเดินเข้าบ้าน ในมือของเค้าก็มีดอกไม้อยู่เต็มไปหมด พอเข้ามาในห้องผมก็รีบผละออกทันทีเพราะเกสรดอกไม้รวมไปถึงอาการแพ้ท้องจนแทบจะวิ่งเข้าห้องน้ำไม่ทันเลยทีเดียว
อะอ้วก!
แค่ก แค่ก
บ่องตรงผมไม่ชอบอาการแบบนี้เลย TwT ทำไมคนท้องต้องอ้วกด้วย แล้วทำไมผมต้องเป็นคนที่ท้องด้วยเนี่ย?

“ก่อนจะไปขึ้นเครื่องได้กินยามาหรือเปล่า”

“ลืม” อ้วกเสร็จผมก็หันมารับน้ำที่พ่อเลี้ยงถือติดมือมาให้พร้อมทั้งตอบคำถามของเค้า ก็ตอนนั้นมันลืมจริงๆ นี่ครับ

“เดือนสิบสอง”

“อะไรเล่า! ก็เค้าลืมนี่อย่าดุนักสิ” ไม่รู้ละถ้าจะดุขนาดนี้ผมก็ต้องทำเสียงอ้อนใส่ซะเลยไม่งั้นจะควบคุมไม่อยู่

“คราวหลังอย่าลืมอีกนะ”
พ่อเลี้ยงทำเสียงเนือยๆ ใส่ผมก่อนจะช่วยพยุงกลับไปนั่งที่เตียงแล้วเดินไปหยิบยาในกระเป๋าเดินทางมาให้ ขอบอกว่าคนจัดกระเป๋าไม่ใช่ผมหรอกครับแต่เป็นแม่ พักหลังๆ มานี่พวกท่านสองคนเอาใส่ใจผมมากขึ้นแถมไม่ค่อยบ้างานเหมือนเมื่อก่อนแล้วด้วยแต่จะต่างก็ตรงที่ท่านสองคนเริ่มปรับตัวเข้าหาแต่ผมกลับมาอยู่ตรังซะนี่หรือเพราะมีครอบครัวแล้ว

“นี่พ่อเลี้ยง ตกลงห่วงเค้าหรือลูก”
ก็ไม่รู้สิน่ะ! แต่พอแทนตัวเองว่าเค้าไปนานๆ ก็เริ่มเขินเหมือนกันแต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรมากมายซะหน่อยจริงไหม

“ก็ห่วงตัวเองสิส่วนลูกนะผลพลอยได้”
>///////////< อ๊ากกกกกกกกก!
อีตาพ่อเลี้ยงบ้ามาเรียกแทนชื่อผมว่าตัวเองได้ยังไงคนมันเขิน

“คราวหลังห้ามเรียกเค้าว่าตัวเองนะ” ยื่นมือไปรับยากับน้ำมาถือเอาไว้ พ่อเลี้ยงจ้องหน้าผมขมวดคิ้วสงสัย

“ทำไม ที่ตัวเองยังแทนชื่อว่าเค้าเลย”

“เขิน! เรียกได้แต่ห้ามต่อหน้าคนอื่น”
>///////////////////< เขินจริงๆ นะครับก็ไม่รู้สิแต่อีตาพ่อเลี้ยงทำตัวน่ารักขึ้นเยอะแถมไม่โหดเหมือนตอนแรกๆ แล้วด้วย

“ฮาๆ จะพยายาม” พ่อเลี้ยงยื่นหน้าเข้ามาหาผมก่อนจะกดจูบเบาๆ ที่บริเวณหางคิ้วพร้อมทั้งขยี้หัวเล่นเหมือนผมเป็นเด็กๆ “พักผ่อนไปนะ เดี๋ยวเค้าไปทำงานก่อน”
อ๊ากกกกกกกกกกกก!
ก่อนหน้านี้เราตกลงกันไปแล้วไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมต้องมาพูดจาหวานๆ ให้ชวนเขินได้ขนาดนี้ละคนแก่นิสัยไม่ดี!!! J

“อะไรกันเพิ่งกลับมาถึงเอง”

“ไปอยู่กรุงเทพซะนานว่าจะเดินไปดูคนงานที่สวนปาล์มซักหน่อย” ผมเงยหน้าขึ้นไปสบตากับพ่อเลี้ยงยู่หน้าใส่ก่อนจะเสมองไปทางอื่น งานอีกแล้ว!!!
ผมเงียบไปสักพักส่วนเค้าก็ไม่ได้เดินออกไปจากห้อง ผมเลยขยับตัวก่อนจะค่อยๆ นอนลงบนเตียงดึงผ้าห่มมาคลุมโป่งทันทีพอพูดถึงงานผมก็เริ่มใจไม่ดีอีกแล้วกลัวว่าจะถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวอีก
หมับ!
นอนตะแคงข้างอยู่ได้สักพักเตียงนอนก็ยุบตัวลงก่อนที่เอวของผมจะถูกคว้าเข้าไปกอดเอาไว้จนแน่น พ่อเลี้ยงซุกหน้าลงมาใกล้ๆ ซอกคอของผมที่มีผ้าห่มกลั้นกลางอยู่ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาจนผมใจหวิวๆ ไปเลย
“เค้าขอโทษ” พูดเพียงแค่นี้แล้วกอดผมเอาไว้จนแน่น ผมบอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไงกับการกระทำนี้ที่ไม่เคยพบเจอแต่ที่แน่ๆ มีความสุขจนอยากจะร้องไห้เลยละครับ ไม่ใช่แค่อยากแต่เพราะน้ำตามันไหลออกมาแล้ว พ่อเลี้ยงค่อยๆ คว้าผ้าห่มที่คลุมโป่งอยู่ของผมออกไปก่อนจะค่อยๆ รั้งตัวผมให้หันไปมองหน้าเค้า
“เด็กดื้อขี้แยอีกแล้ว” นิ้วโป้งเรียวสวยค่อยๆ เกลี่ยน้ำตาให้ผมอย่างอ่อนโยนจนอดยิ้มและร้องไห้ไม่ได้

“จะไปสวนปาล์มไม่ใช่เหรอ”

“เอาไว้ค่อยไปดีกว่าตอนนี้เมียกำลังงอแงอยู่”
จุ๊บ >////////< พูดจบก็กดจูบลงมาเบาๆ ที่หน้าผากของผมก่อนจะยื่นปลายจมูกโด่งเป็นสันลงมาแตะที่ปลายจมูกของผมบ้าง

“จอมพลอย่าทิ้งเดือนสิบสองให้อยู่คนเดียวนะครับ”

“ครับ”
J คำตอบถูกเอ่ยออกมาก่อนที่ผมจะโผล่เข้าไปกอดเค้าทั้งๆ ที่ยังนอนอยู่มือทั้งสองข้างก็ขยี้หัวพ่อเลี้ยงไปด้วยแล้วกดจูบเบาๆ ที่เรือนผมสีดำสนิทของเค้า ท่าทางแบบนี้ผู้ใหญ่มักจะทำกับเด็กมากกว่าแต่ช่างประไรคนนี้ของผม ผมทำได้คนเดียว
หุหุ (^_^)!


จอมพล
พอกลับมาถึงตรังผมก็กะว่าจะเดินไปดูคนงานที่สวนปาล์มสักหน่อยแต่ที่ไหนได้เดือนสิบสองกลับทำสีหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้จนความคิดส่วนอื่นๆ ของผมเขวไปหมด สุดท้ายผมก็ไม่ได้ไปผมมองการกระทำของเดือนสิบสองก็รู้แล้วว่าเด็กน้อยต้องร้องไห้ออกมาแน่ๆ ก่อนจะโผล่ขึ้นไปนอนบนเตียงรั้งร่างเล็กเข้ามากอดเอาไว้ เวลาที่เดือนสิบสองอ้อนมันทำให้หมดหมดลายไปเลยทีเดียวและแน่นอนว่าผมต้องการให้มันเป็นแบบนี้ แต่ก็แค่ผมคนเดียวเท่านั้นที่ได้เห็นท่าทางทุกอย่างของเดือนสิบสอง
เด็กดื้อกอดคอมผมเอาไว้จนแน่นก่อนจะขยี้หัวผมเล่นเหมือนผมเป็นเด็กๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงด่าไปแล้วแต่ตอนนี้กลับไม่ แถมไม่ใช่แค่กอดแต่เดือนสิบสองกลับกดจูบลงมาเบาๆ ทำเอาผมหัวใจเต้นแรงไปเลยทีเดียวแต่ที่แน่ๆ เด็กดื้อกลับนอนหลับไปทั้งๆ ที่ตัวเองยังซุกหน้าอยู่ที่หัวผมเลยครับไม่รู้ว่าจะขำหรือเห็นใจตัวเองดีที่มีเมียแบบนี้แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อผมรักไปแล้วนี่
“เด็กขี้แยหลับไปซะแล้ว”
ผมกดจูบเบาๆ ที่เรือนผมคนนอนหลับอยู่ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบรีโมตแอร์มาปรับอุณหภูมิให้พอเหมาะ ผมไม่ได้นอนกลับหรอกครับก็แค่ลุกขึ้นมาแล้วหยิบเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะมานั่งเคลียร์
ครืด ครืด
หยิบจับเอกสารพวกนี้ได้ไม่นานเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาถ้าจะเป็นจาก็คงไม่ใช่เพราะผมสั่งบล็อกเบอร์ลูกไปซะแล้วดูเหมือนพ่อใจร้ายเลยนะครับ แต่เพราะหน้าที่ของผมหมดแล้วต่างหากละผมกดรับสายของเซย์ที่โทรเข้ามาถ้าขืนรอนานกว่านี้เสียงที่ดังอยู่อาจจะทำให้เดือนสิบสองตื่นก็ได้
“ว่าไง?”
“ฉันส่งคนไปให้นายแล้วนะ”
“หืม! ฉันไม่ได้สั่งนี่”
“พอดีฉันหวังดีเพราะช่วงนี้นายควรระวังตัวไว้บ้างรับรองได้ว่าสองคนนี้น่าไว้ใจ อีกอย่างเดือนสิบสองก็กำลังท้องอยู่ควรจะมีคนที่ไว้ใจคอยดูแล” เซย์พูดมาเป็นสเต็ปเลยทีเดียวถ้าจะขัดก็คงไม่ได้ในเมื่อหมอนี่บอกว่าส่งคนมาแล้ว
“ผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“ที่ถามเพราะหึงเหรอ? แต่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเพราะฉันส่งผู้หญิงไปดูแลเดือนสิบสองส่วนผู้ชายไว้คอยช่วยนาย”
“ฉัน
“โปรดรับความหวังดีของเพื่อนด้วยนะครับ”
“ก็นะแล้วสองคนนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่”
“อีกสองชั่วโมงคงไปถึงไร่นาย งั้นแค่นี้ก่อนละกันฉันมีงานต้องทำ”
เซย์กดวางไปแล้ว ผมเองก็มองหน้าจอโทรศัพท์สีดำก่อนจะหันไปมองเดือนสิบสองที่นอนหลับไม่รู้เรื่องเหมือนเด็กน้อยอยู่บนเตียงผมใช้เวลาแค่ไม่นานก็สามารถเคลียร์เอกสารมากมายที่วางอยู่บนโต๊ะจนหมดแต่พอมาเจอเล่มสุดท้ายที่เป็นบัญชีรายรับรายจ่ายของสวนปาล์มแต่ละเดือนกลับรู้สึกแปลกใจ
ผมขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนจะค่อยๆ ปล่อยดูเอกสารทั้งหมดอย่างละเอียดและดูเหมือนว่ารายจ่ายของปลายปีที่แล้วกับต้นปีนี้จะสูงขึ้น ค่าปุ๋ยแพงก็จริงแต่ก็ไม่น่าแพงเกินกว่าที่คิดนี้หรือคนที่ทำบัญชีจะผิดพลาดเรื่องตัวเลข

อื้อ
นั่งเปิดเอกสารไปมาอยู่อย่างนั้นก่อนจะได้ยินเสียงร้องครางของคนที่นอนหลับอยู่ จะว่าไปตอนนี้ผมสนใจเดือนสิบสองมากกว่างานอีกนะเนี่ย? เหมือนเด็กดื้อจะตื่นแล้ว นอนไปแค่ชั่วโมงเดียวเอง
“รีบตื่นมาทำไม”

“เค้าหิว” บิดขี้เกียจอยู่บนเตียงก่อนจะตอบคำถาม ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะเดินเข้าไปหา “หิวจริงๆ นะ”

“งั้นก็ลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาก่อนละกัน เสร็จแล้วก็ตามออกไปในครัว”

“ครับ” เดือนสิบสองว่าง่ายกว่าที่ผมคิดนะครับเนี่ย ผมยิ้มให้กับร่างเล็กที่กำลังเดินหายเข้าไปในห้องน้ำก่อนที่ตัวเองจะเดินออกมาจากห้อง
พอเดินลงมาด้านล่างเท่านั้นแหละครับมีคนแปลกหน้าถึงสองคนกำลังยืนก้มหน้ากันอยู่ โดยปกติผมชอบความเป็นส่วนตัวมากกว่าพวกคนใช้ที่บ้านก็ไม่มีหรอกครับ ถ้ามีก็แค่เข้ามาทำความสะอาดแล้วก็กลับส่วนอาหารถ้าจาอยู่เค้าจะเป็นคนทำแต่ถ้าไม่ผมก็ทำกินเองจนชินไปซะแล้ว แต่ช่วงหลังๆ ตอนที่เมียคุณหนูมาอยู่ด้วยผมก็จ้างแม่บ้านมาทำกับข้าวแทน

“เซย์ส่งมาใช่ไหม”

“ครับ/ค่ะ” ทั้งคู่ตอบผมพร้อมกัน ผมครางตอบรับในลำคอก่อนจะเดินเข้าไปหาใกล้ๆ

“แล้วชื่ออะไรกันบ้าง”

“ผมชื่อเทพครับ” ท่าทางอายุจะห่างจากผมไม่มากเท่าไหร่นะครับแต่ที่แน่ๆ เหมาะกับกับการเป็นคนติดตามผมมากๆ เลยทีเดียว ไม่รู้ว่าเซย์คิดอะไรอยู่ถึงส่งสองคนนี้มาให้ผม
“ดิฉันชื่อแหวนค่ะ” ส่วนผู้หญิงคนนี้น่าจะอายุน้อยกว่าผมแล้วก็เทพนะครับ แต่ท่าทางสูงโปร่งและดูไม่เหมือนพวกสาวใช้ธรรมดา ที่ว่าไม่ธรรมดาก็เพราะท่าทางของเธอเหมือนพวกบอดี้การ์ดซะมากกว่าแฮะ

“งั้นก็เชิญตามสบายละกัน ส่วนห้องพักเดี๋ยวฉันจะให้คนงานจัดให้ที่บ้านหลังเล็กใกล้ๆ ละกัน”

“ขอบคุณครับ/ค่ะ”
!!!

“พ่อเลี้ยงสองคนนี้ใครอะ” เสียงของเดือนสิบสองดังขึ้นมาแต่ไกลเลยครับ พอหันไปดูก็เห็นว่าเจ้าตัวกำลังก้าวขาลงจากบันไดอยู่เลยแถมท่าทางนี่อยากรู้เอามากๆ เลยด้วยจนผมอดขำไม่ได้ ลืมบอกไปอีกอย่างว่าแหวนเธอยังสวยอีกต่างหากแต่ไม่ใช่ประเด็นเพราะผมมีเมียแล้วสวยกว่าใครในโลกแระคนนี้
“เมียใหม่เหรอ?” เดินเข้ามาหาผมก่อนจะเอ่ยออกมาแบบไม่ต้องคิดท่าทางก็มองแหวนอย่างไม่เป็นมิตรด้วยครับ

“มีเมียคนเดียวก็หนักใจจะแย่อยู่แล้ว” พอถูกผมเหน็บแนมเข้าให้ก็เท่านั้นแหละครับรีบเงยหน้าขึ้นมาจิกตาผมทันที “นี่เทพกับแหวนพอดีเซย์เป็นคนส่งมาให้”

“อ๋อ!!!” คราวนี้ละอ๋อทันที “ผมชื่อเดือนสิบสองนะครับ” แต่ท่าทางตอนหลังนี่มันอะไรกัน

“ไม่ต้องใกล้ขนาดนั้นก็ได้” ผมคว้าเอวเดือนสิบสองให้กลับมายืนใกล้ๆ ไม่ได้หึงกับแหวนหรอกครับแต่กับเทพนี่สิไม่แน่ แถมเดือนสิบสองยังเป็นพวกที่ไม่ชอบระวังตัวเองอีกด้วยไม่ว่าจะกับใครก็ดูเหมือนจะสนิทไปซะหมดยกเว้นก็แต่คุณสร้อยฟ้าที่ไม่ถูกชะตากันเลย

“สามีแล้วของกินละ? หิว” เปลี่ยนเรื่องทันที ไม่สนใจผมเลยครับ

“เดี๋ยวแหวนไปจัดการให้ดีกว่าค่ะ”

“ไหวเหรอแหวน” ผมร้องถามเพราะผมเองก็เดาอารมณ์คนท้องไม่ได้เหมือนกัน

“ไหวสิค่ะพอดีคุณเซย์บอกรายละเอียดอื่นๆ มาด้วยหายห่วงค่ะ” ไม่ยักจะรู้ว่าเพื่อนผมจะรู้ดีไปหมดซะทุกอย่างขนาดนี้ แต่ก็ช่างเถอะหวังว่าเดือนสิบสองจะชอบก็แล้วกัน

ผมกับเดือนสิบสองก็มองหน้ากันก่อนจะปล่อยให้เลยตามเลยไป ผมนั่งคุยกับเดือนสิบสองอยู่พักนึงก่อนจะเดินออกมากับเทพด้านนอก แต่กว่าจะออกมาได้เด็กดื้อก็ดันงอแงใส่เหมือนลูกติดพ่อเลยก็ว่าได้ครับ (- -)!!!
“นายพักหลังนี้ละกันจะอยู่ใกล้ๆ กับคมหัวหน้าคนงาน ส่วนแหวนฉันจะให้พักที่บ้านหลังใหญ่ละกันเผื่อมีอะไรฉุกเฉิน”

“นายกำลังไม่ไหวใจใครหรือเปล่าครับ” เทพร้องถามเหมือนว่ากำลังเดาใจผมถูก เพราะที่จริงผมก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีอยู่เหมือนกันครับก็แค่ยังไม่แน่ใจสักเท่าไหร่

“ไม่รู้สิ แต่กันไว้ก่อนถ้างั้นนายพักผ่อนตามสบายละกันเดี๋ยวฉันจะไปดูคนงานที่สวนปาล์มหน่อย”

“ไม่เป็นไรครับนาย ผมไปด้วยดีกว่า”
ซื่อสัตย์แบบนี้ท่าทางจะอยู่ด้วยกันยาว ผมพยักหน้าเออออไปด้วยก่อนจะเดินไปที่สวนปาล์ม ช่วงนี้ปาล์มที่ไร่ก็ยังตัดได้อยู่เรื่อยๆ เพราะผมปลูกไว้เยอะแต่จะว่าไปมันคือมรดกตกทอดซะมากกว่า เนื่องด้วยผมไม่มีพี่น้องที่ไหนสมบัติทั้งหมดก็เลยตกเป็นของผมอย่างง่ายดาย
แต่รวยเกินไปก็ไม่ดีเพราะที่แถบนี้มีนายทุนหลายคนอยากได้ไปสร้างรีสอร์ทเพราะคิดว่าจะทำรายได้ให้อย่างมหาศาลแต่ผมกลับเลือกที่จะปฏิเสธทุกรายแถมยังยืนยัน นั่งยันเลยว่าจะไม่ร่วมธุรกิจกับพวกเค้าจนบางคนถึงขั้นแค้นและอยากฆ่าผมให้ตายเลยทีเดียว
“นายครับ มีผู้หญิงกำลังเดินมาทางเรา”

พอเทพพูดจบผมก็หันไปมองทันที “ตายละ! งานเข้านี่ถ้าเดือนสิบสองมาเห็นฉันบ้านแตกแน่ๆ”
                                        
“จะให้ผมไล่เธอกลับก่อนไหมครับ”

“ไล่ก็ไม่กลับหรอก ถ้าไงก็ไปกันเดือนสิบสองไม่ให้มาที่สวนปาล์มก็พอ” เทพรับคำผมก่อนจะเดินออกไปส่วนคุณสร้อยฟ้าก็เดินตรงมาทางผมหน้าตายิ้มแย้มเชียวครับ เบิกบานซะเหลือเกินแต่หารู้ไหมว่าผมกำลังซวย
ตอนนี้ผมเป็นผู้ชายที่ดีรักเมียที่สุดในโลกนะครับ แถมผมกับคุณสร้อยฟ้ายังเป็นคู่กรณีร่วมกันอีกต่างหาก

“สวัสดีค่ะพ่อเลี้ยง กลับมาเร็วกว่าที่คิดนะคะ”

“คุณก็รู้เร็วกว่าที่คิดนะครับ”

“ก็พ่อเลี้ยงกลับมาบ้านทั้งทีนี่ค่ะ” เธอว่ายิ้มๆ แต่เมื่อกี้ที่ผมพูดไปตั้งใจประชดเลยนะครับ สร้อยฟ้าเดินตรงเข้ามาใกล้ผมก่อนจะกอดแขนเอาไว้เหมือนครั้งอื่นๆ ที่ชอบทำจนวันนั้นผมไม่ทันตั้งตัวเลยโดนหอมแก้มไปจนเป็นข่าว

“คุณมาหาผมมีอะไรหรือเปล่าครับ” ผมไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดสักเท่าไหร่เพราะกลัวว่าถ้าเดือนสิบสองมาเห็นเข้าจะยุ่งกันไปใหญ่ ผมไม่อยากให้เด็กดื้ออาละวาดสักเท่าไหร่คนท้องต้องหัดระวังตัวไว้หน่อย

“ตัดเยื่อใยจังนะคะ”

“ผมรักครอบครัวครับ” ตอบได้อย่างมั่นใจมากๆ เลยทีเดียว

“สร้อยชักจะอิจฉาเด็กคนนั้นแล้วสิค่ะที่ได้หัวใจคุณไป” สร้อยฟ้ายิ้มแหย่ๆ กอดแขนผมไว้แน่นกว่าเดิม “สร้อยไร้สาระมาเยอะแล้วที่มาวันนี้ก็แค่จะมาเชิญคุณไปงานวันเกิดคุณพ่อท่านนะคะ จัดที่บ้านวันอาทิตย์นี้ค่ะ”

“ผมจะไปละกันครับ”

“ขอบคุณค่ะ” ผมกับสร้อยฟ้ายืนคุยกันเรื่อยเปื่อยไปเรื่อยๆ ตามจริงไม่ใช่ผมหรอกครับจะเป็นสร้อยฟ้ามากกว่าที่ตั้งคำถามส่วนผมก็แค่ตอบไป แต่ที่แน่ๆ แขนที่ยังควงผมอยู่นี่มันอะไรกันทำไมถึงไม่ยอมปล่อยสักทีเดี๋ยวเมียผมมาเห็นเข้าแล้วจะแย่
!!!

“พ่อเลี้ยง!!!
นั่นไงนรกชัดๆ เดือนสิบสองโผล่มาได้ยังไง เฮ้อ! ก็นะเทพน่ะเหรอจะเอาเดือนสิบสองอยู่ขนาดผมยังไม่อยู่เลยครับ

“ท่าทางคุณจะแย่นะคะ แต่สร้อยสนุก”
จุ๊บ >////////////< ให้ตายสิสร้อยฟ้ายื่นหน้าเข้ามาหาผมก่อนจะกอดจูบที่แก้มซะฟอดใหญ่ หลบไม่ทันเพราะมัวแต่มองหน้าไร้อารมณ์ของเดือนสิบสองอยู่
“อย่าลืมชวนเดือนสิบสองไปด้วยนะคะ งั้นสร้อยกลับก่อนละกัน” จุดชนวนระเบิดไว้ให้ผมเสร็จก็เดินจากไป

“ดะ

“ไอ้แก่บ้า หมาป่าจิตตก!!!
มั่นใจใช่ไหมว่าเมียผมคิดคำด่าแบบนี้ขึ้นมาได้ แต่ที่แน่ๆ เดินจาไปแล้วครับ
โธ่! สวรรค์ยังกับนิยายน้ำเน่าแล้วแบบนี้จะง้อยังไง เดี๋ยวแม่ก็วีนใส่ผมแหลกอีกหรอก










_______________________________________

ครบ %
ที่เหลือยังปั่นอยู่... 
ช่วงหลังๆ ใกล้จบเค้าจะพาไปผจญภัยกับพ่อเลี้ยงและเดือนสิบสอง
คนท้องไม่หวั่น อยากเกิดมาเป็นลูกพ่อเลี้ยงต้องอดทน ฮาๆๆๆๆๆๆๆ
#ไรท์จะจัดอะไรค่อยว่ากันแต่ที่แน่ๆ #เสี่ยงงงงงงง!!!!!! 
(เหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า)


พ่อเลี้ยงฝากบอกว่า
'ไม่มีใครใหญ่ เกินเมีย...'

ปล.รูปนี้ซังบินน่ารักมุ้งมิ้งๆ ฮาๆๆๆๆๆ


#แจ้งๆ
แป้งคาดว่าจะรวมเล่มเดือนสิบสอง ใครสนใจบ้าง??

เพราะแป้งจะแต่งเรื่องนี้แค่ 20 กว่าตอน
แต่อันนี้ไม่รวมตอนพิเศษในเล่มนะคะ...

แต่ยังไม่แน่นอนเท่าไหร่? ถ้ายังไงแป้งจะบอกอีกทีเน้อ ^^