วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

luscious, 7





luscious, 7
คำว่าเกลียด พูดเบาๆ ก็เจ็บ !!!




ไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้ต้องมานั่งดูแลใคร? แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อทำเค้าเจ็บตัวไปแล้วนี่ ถ้าพรุ่งนี้เช้าตื่นขึ้นมาแล้วรับรู้ได้ถึงสายตาที่เย็นชาละก็เตรียมตัวรับคำว่าเกลียดได้เลย!!!
กร๊าดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!
“ออกไป!
ไม่ต้องรอให้มองหน้ากันหรอกครับแค่รับรู้ว่าเห็นผมอยู่ในห้องนี้ด้วยก็แทบอยากจะฆ่ากันให้ตายไปข้างหนึ่งเลย ตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมาเห็นผมเท่านั้นแหละครับทุกอย่างมาเร็วมาก ทั้งหมอนหรือแม้แต่ข้าวของที่วางอยู่ใกล้ๆ มือถูกปามาไม่ยั้ง แถมยังกรีดร้องซะแสบแก้วหูไปเลย

“เดือนสิบสอง” พยายามเรียกชื่อเพื่อเรียกสติแต่ที่ไหนได้กลับไม่ได้ผลเพราะข้าวของมากมายในห้องของผมถูกปาทิ้งไม่เป็นท่า

“ออกไปให้พ้น!” เน้นทุกคำพร้อมทั้งเสียงหอบหายใจและข้าวของที่ถืออยู่ในมือทุกอย่างปาทิ้งได้แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมรักมากและหวังว่าเดือนสิบสองจะไม่ไปหยิบมันมาปาเล่นเหมือนข้าวของมากมายที่กองอยู่ตรงหน้า

“อย่า
พลั่ก!
หุ่นยนต์ตัวไม่ใหญ่มากแถมดูยังไงก็เหมือนเศษเหล็กดีๆ นี่เองแต่ผมกลับเลือกที่จะใส่มันไว้ในกล่องพลาสติกสี่เหลี่ยมขนาดเท่าเจ้าตัวหุ่นยนต์นั้น คิดไว้ว่าเดือนสิบสองจะไม่ไปคว้ามาถือเอาไว้แต่ผมคิดผิดเพราะของสิ่งนี้ถูกปามาตรงหน้าผมทันที
โป๊ก!
กำลังก้มเก็บเศษซากของกล่องหุ่นยนต์โทรศัพท์ของผมที่ตั้งอยู่หัวเตียงก็ถูกปามาอีกแรงผมไม่คิดจะหลบด้วยซ้ำแต่จะว่าไปผมหลบไม่ทันจนมันตรงเข้ามาที่หัวคิ้วผมเต็มๆ ก่อนจะตกลงพื้นแตกกระจายเพราะแรงปาที่มากโข

“เดือนสิบสอง” ไม่ใช่เสียงของผมแต่เป็นจาที่วิ่งเข้ามาท่าทางจะได้ยินเสียงกรีดร้องอาละวาดของเพื่อนตัวเองแน่นอน “พ่อ! ให้ตายสิเลือดออกที่หัวคิ้วด้วย” ผมไม่ได้สนใจคำพูดของจาสักเท่าไหร่ก่อนจะลุกขึ้นยืนพร้อมกับซากของหุ่นยนต์ที่แตกกระจายไม่เหลือโครงสร้างเดิมอยู่เลย เพราะผมเคยทำมันตกไปครั้งหนึ่งแล้วพ่อเอามาซ้อมใหม่ก็เลยตัดสินใจเก็บมันไว้ในกล่องอย่างดี

“อาละวาดหรือทำร้ายฉันมากแค่ไหนก็ได้ แต่อย่ามาทำลายความทรงจำของฉันที่เหลืออยู่แค่ชิ้นเดียว!!!!” ถ้าเป็นคนอื่นผมคงฆ่าทิ้งไปแล้วแต่นี่เพราะเป็นเดือนสิบสองที่ผมลงมือทำร้ายเค้าก่อนผมถึงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าพูดแล้วก็เดินออกมา
แม้แต่สายตาสำนึกผิดของคนตัวเล็กยังไม่มีให้ มีก็แค่สายตาที่เกลียดชังกันเท่านั้นเอง!!!
ที่ผมหวงขนาดนี้ก็เพราะมันเป็นของขวัญวันเกิดชิ้นเดียวที่พ่อซื้อให้ก่อนที่ท่านจะจากโลกนี้ไปท่านพยายามพามันกลับมาบ้านเพื่อให้ผมพร้อมกับแม่แต่สุดท้ายผมกลับเป็นฝ่ายไปพามันกลับมาเองเพราะพ่อกับแม่ไม่มีวันกลับมาหาผมอีกแม้แต่ในวันเกิดที่คิดว่าจะมีความสุขที่สุดผมกลับเสียใจที่สุดเหลือก็แค่ความทรงจำต่างหน้าของหุ่นยนต์ตัวนี้เท่านั้น!!!!!

เดือนสิบสอง
ผมไม่ผิดที่จะอาละวาดหรือทำลายทุกสิ่งทุกอย่างเพราะผู้ชายอย่างเค้ามันน่ารังเกียจผมไม่เข้าใจว่ายังต้องการอะไรอีกในเมื่อได้ทุกอย่างไปจากผมจนหมดสิ้นแล้ว และซ้ำร้ายทำไมต้องข่มขืนผมด้วย!!!!
L
“อะอึก ฮือๆ”
ผมไมผมต้องร้องไห้กับอีแค่แววตาเจ็บปวดนั้นที่ได้เห็นถ้าเป็นเมื่อก่อนหรือก่อนหน้านี้เค้าก็จะไม่เป็นฝ่ายยอมเด็ดขาด แต่พอเค้าทำร้ายผมไปแล้วกลับยอมทุกอย่างจนดูเหมือนมันเป็นเรื่องง่ายๆ ไปซะหมด
จนผมไม่เข้าใจอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว!!!!!

“เฮ้ย! ร้องไห้ทำไมอีกวะเนี่ย” เสียงของไอ้จาดังขึ้นมาก่อนที่มันจะวิ่งมานั่งบนเตียงแล้วดึงผมเข้าไปกอดเอาไว้
“พ่อเล่าให้กูฟังหมดแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง และที่เค้ายอมให้มึงอาละวาดขนาดนี้ก็เพราะเค้าผิดจริงๆ”
อะอึก ฮือๆ
ผมร้องไห้หนักกว่าเดิมเมื่อไอ้จาเริ่มพูด ผมไม่ยากได้ยินด้วยซ้ำว่าก่อนหน้านี้มันเกิดอะไรขึ้นบ้างเพราะมันเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายและสุกดแสนจะป่าเถื่อนเท่าที่เคยได้รับมาเลย ผมสามารถพูดได้เต็มปากว่าเกลียด แต่ทำไมมันถึงรู้สึกเจ็บปวดแบบนี้ละครับ

“เกลียด! กูเกลียดพ่อมึง”

“เกลียดแล้วทำไมต้องร้องไห้ มึงรู้ตัวไหมว่ากำลังปากไม่ตรงกับใจ!” ไอ้จาดันตัวผมให้ออกห่างก่อนจะปาดน้ำตาให้ เลี่ยนสัดแต่ก็นะวินาทีนี้ผมไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะเช็ดน้ำตาให้ตัวเองด้วยซ้ำไป

“ไอ้เชี่ย”

“ปากดีแล้วนี่ก็ถือว่าไม่เป็นอะไร? ถึงพ่อกูจะผิดที่ข่มขืนมึงแต่อย่างน้อยเค้าก็กำลังสำนึกผิดอยู่นะมึงก็ไม่น่าไปทำลายของรักของหวงของเค้าเลย”

“อะไร?” ผมถามเสียงหวนปนสะอื้นคนแบบนั้นนะเหรอจะมีของรักของหวงกับคนอื่นเค้าได้ มีแต่จะทำลายของรักของคนอื่นซะมากกว่า

“ก็ไอ้หุ่นยนต์ที่มึงปาทิ้งไปนั่นแหละ รู้ไหมว่าของชิ้นนั้นพ่อได้มาตอนงานวันเกิดอายุสิบขวบและเป็นชิ้นสุดท้ายที่ได้”

“บอกกูทำไม” ผมว่าก่อนจะเบือนหน้าหนี จากที่อาละวาดจนเหนื่อยเมื่อกี้ก็ยอมหยุดร้องแต่ก็ไม่อยากในใจคำพูดของไอ้จามากเท่าไหร่เพราะมันสื่อถึงใครอีกคนที่ออกไปจากห้องนี้แล้ว

“บอกเพื่อให้มึงรู้ว่า มึงทำลายของมีค่าที่พ่อกูหวงแหงนที่สุดไปแล้วนะสิ มันอาจจะฟังดูไร้สาระแต่ที่พ่อกูหวงของสิ่งนั้นมากก็เพราะเค้าได้มันมาจากพ่อแม่ก่อนพวกท่านสองคนจะตาย” ผมค่อยๆ หันกลับมามองหน้าไอ้จาอีกครั้ง คราวนี้น้ำตาก็เริ่มคลอเบ้าอีกไม่รู้ว่าเพราะอะไร
“ตายในวันเกิดของเค้าเองมันเลยเป็นความทรงจำชิ้นสุดท้ายที่พ่อกูหวงมากถึงมากที่สุด!
ผมรู้แล้วว่าแววตาที่เคยรุ่งโรจน์และน่ากลัวยามที่ได้โกรธใครสักคนทำไมถึงเศร้าลงมาอย่างบอกไม่ถูก ก็เพราะอย่างนี้นี่เองสินะ
หึ!
อย่าคิดว่าผมจะสำนึกผิด ไม่มีทาง!!!

“หึ! ก็ดีแล้วนี่จะได้เกลียดกันไปจนวันตายเลย”

“ไอ้คุณหนูปากดี กูไม่ยุ่งกับมึงแล้วเชิญร้องไห้ไปตามสบาย กูจะไปทำแผลให้พ่อ” ไอ้จาเดินออกไปแล้วผมอยากทำเหมือว่าไม่สนใจอะไรแต่มันกลับทำไม่ได้ผมไม่ใช่คนที่ทำผิดแล้วอยากจะวิ่งหนีเสมอไป
แต่สำหรับคนที่ไม่รู้ มันไม่ผิดไม่ใช่เหรอ?
ให้ตายสิเดือนสิบสองทำไมต้องรู้สึกแย่ขนาดนี้ด้วย มองไปรอบๆ ห้องที่ผมออกแรงอาละวาดจนเหนื่อยและข้าวของก็กระจัดกระจายไปทั่ว เค้าไม่มีแม้แต่จะดุหรือว่าอะไรผมสักคำนอกจากจะห้ามปรามแม้ว่าจะไม่ได้ผลก็ตาม
ผมนั่งนิ่งเม้มปากเข้าหากันก่อนจะถอนหายใจออกมา อาบน้ำนี่คือสิ่งเดียวที่สมองของผมสั่งการให้ทำ ถ้าผมยังนั่งอยู่แบบนี้มีหวังสมองต้องคิดมากไปไกลแน่นอน L
ซ่า !!!
สายน้ำชะล้างร่างกาย ผมทอดสายตามองร่างกายของตัวเองตั้งแต่เรียวขาลงไปมีแต่รอยฟกช้ำและรอยจ้ำแดงๆ เต็มไปหมด อยากลืมว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับผมบ้าง ทำไมผมต้องแคร์กับอีแค่ผู้ชายนิสัยไม่ดีคนนั้นด้วย

หนึ่งอาทิตย์ต่อมา
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!
“ไอ้คุณหนูบ้า มึงจะตะโกนทำไมเนี่ย?” หลังจากวันนั้นผมไม่แคร์อะไรก็จริง แต่คนที่ไม่แคร์กว่ากลับเป็นคนที่ทำให้ผมต้องรู้สึกไม่พอใจในตอนนี้
ตั้งแต่ตอนนั้นก็หายไปไม่ยอมกลับมานอนที่ห้องหรือแม้แต่โผล่หน้ามาให้ผมเห็นด้วยซ้ำไปจนตอนนี้ผมกลับเป็นฝ่าคลั่งเอง
จะกลับมาแล้วพูดว่าขอโทษมันจะตายเหรอ!!!!!!

“ไม่โกรธพ่อกูแล้วเหรอ?”

“ใช่เรื่องที่ต้องมาถามไหม? พ่อมึงก็ผัวกูถึงจะเลวที่หลอกกูไว้เยอะแถมยังมีหน้ามาข่มขืนกูอีก”

“แรง! ไอ้คุณหนูตั้งแต่เกิดมามึงเป็นคนแรกที่พูดจาได้ไม่แคร์โลกแม้กระทั้งถูกข่มขืนยังไม่โกรธหรือเกลียด”

“กูทั้งโกรธและเกลียด แต่ตอนนี้อารมณ์ไม่พอใจมีมากกว่า” ผมว่าจ้องหน้าไอ้จาเพราะหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาปากผมว่างเพราะไม่ได้อาละวาดรวมไปถึงเหวี่ยงใส่

“เฮ้อ! จะเข้าเมืองกับกูไหม?”

“ไปทำไม”

“หาซื้อของมาคืนพ่อกูไง กูรู้นะว่ามึงอยากจะง้อเค้า”

“นี่ใคร? จำไว้นะว่าเกิดมาไม่เคยง้อใคร?”
!!!!!!!
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
“โอ๊ย! ทำไมไอ้หุ่นยนต์บ้านั่นถึงหายากนักเนี่ย” หลังจากที่มั่นอกมั่นใจในคำพูดของตัวเองมากมายเหลือเกิน เวลานี้ผมกลับมายืนอยู่ในเมืองเพื่อหาซื้อหุ่นยนต์ที่ทำพังเกือบไม่เหลือซากในวันนั้นไปคืนใครบางคน
ถึงจะไม่เหมือนเดิม ความรู้สึกอาจจะไม่เหมือนกันด้วยแต่อย่างน้อยผมก็อยากไถ่โทษ
อ๊ากกกกกกกกกกก!
ทำไมคุณหนูเดือนสิบสองอย่างผมต้องมาทำเรื่องไร้สาระแบบนี้ด้วย ง้อคนอื่นเนี่ยนะ TwT

“อย่าบ่นได้ไหม มึงบ่นตั้งแต่ออกมาจากบ้านจนตอนนี้ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้วนะ”

“ก็กูร้อนนี่ ถ้ารู้ว่าจะหายากขนาดนี้กูไม่มาให้เหนื่อยหรอก!!!!!!!!!” ผมนั่งลงตรงเก้าอี้ด้านหน้าร้านขายของร้านหนึ่งในเมืองก่อนที่จะบ่นๆ ต่อจนไอ้จาต้องส่ายหัวเอือมระอาแล้วเดินหายออกไปจากที่ตรงนี้ถ้าให้เดามันคงไปหาซื้อน้ำมาให้ผมกิน
“งื้ออออออออออ! เหนื่อยแล้วนะทำไมหายากแบบนี้” พอไอ้จาไม่อยู่ผมก็ต้องบ่นเสียงอ่อยเพราะไม่รู้จะอาละวาดให้ใครฟัง

“อ๊ะ! ให้ให้”
เสียงเด็กที่ไหนมาพูดว่าให้ๆ แล้วมันให้อะไรกันละ ผมรีบเงยหน้าที่ก้มอยู่ไปมองก็เห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมด้วยรอยยิ้มและหุ่นยนต์ซึ่งมันเป็นของเด็กเล่นขนาดเล็กพอมือเด็กดูยังไงก็แตกต่างจากที่ผมทำพังไปโดยสิ้นเชิง

“ให้ฉัน” ชี้มือเข้าหาตัวเองขมวดคิ้วมองหน้าเด็กคนนี้อย่างแปลกใจ

“ให้ๆ เอามั้ย? ให้” เด็กนี่พูดเหมือนเดิมราวกับว่าพูดเป็นแต่คำนี้ ส่วนผมนะเหรอนั่งงงหน้าเอ่อไปสิ ดีนะที่เด็กมันพูดภาษาเดียวกับผมไม่งั้นคงนั่งงงไปอีกนานเพราะต้องแกะภาษา

“น้องอชิทำอะไรนะลูก” เสียงของแม่เด็กดังขึ้นมาก่อนจะวิ่งมาทางที่ผมนั่งอยู่ “ลูกดิฉันทำอะไรคุณหรือเปล่าค่ะ”

“เปล่าครับเค้าแค่จะให้หุ่นยนต์ที่ถืออยู่ในมือกับผม” ผมชี้ไปทางหุ่นยนต์ที่เด็กคนนี้ถืออยู่ แม่ของเด็กก็ยิ้มให้ผมทันทีด้วยเหมือนกัน

“แกเป็นแบบนี้เสมอแหละค่ะท่าทางจะคิดถึงพี่ชายที่จากไป”

“เอ่อจะเป็นอะไรไหมถ้าผมอยากจะขอซื้อหุ่นยนต์นี้ต่อ” ตอนแรกก็ไม่กล้าขอหรอกครับแต่มันจำเป็นจริงๆ เพราะผมหาซื้อจากไหนไม่ได้แล้วอีกอย่างใกล้จะเย็นแล้วด้วย

“ให้ๆ ให้พี่เค้า”

“ค่ะให้” แม่ของน้องอชิบอกก่อนจะมองหน้าผม เด็กน้อยยื่นหุ่นยนต์มาให้ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้อย่างอ่อนโยนคนอย่างผมเนี่ยนะขอร้องคนอื่นแถมยังพูดจาดีๆ กับเค้าเป็นด้วย
เพื่อ? ก็เพื่อง้อไอ้แก่นั่นคนเดียวเลยแท้ๆ L

“งั้นให้ไอ้นี่” ผมถอดสร้อยข้อมือสีเงินแบบเรียบๆ ที่ใส่อยู่ที่มือให้เด็กคนนี้ก่อนจะรับหุ่นยนต์มาแต่ท่าทางเหมือนว่าแม่ของเด็กจะไม่อยากรับ ราคามันไม่ได้แพงอะไรมากแต่อย่างน้อยมันก็เป็นของชิ้นแรกที่ผมคิดอยากซื้อมาใส่เพราะตอนเห็นครั้งแรกมันสวยดี

“ไม่เป็นอะไรค่ะ คุณเป็นคนแรกที่ทำให้น้องอชิอยากพูดอีกครั้งหลังจากที่แกเสียพี่ชายไป ดิฉันถือว่าหุ่นยนต์นี่เป็นค่าตอบแทนละกันค่ะ” แม่ของน้องอชิพูดทั้งน้ำตาก่อนจะกอดลูกเอาไว้

“งั้นถือว่านี่เป็นสิ่งตอบแทนจากผมจะได้ไหม? รับไปเถอะครับนะครับ”

“งั้นก็ได้ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” ท่านว่าก่อนจะบอกลาแล้วเดินออกไป ผมเองก็นั่งมองภาพนั้นจนลับสายตาก่อนจะก้มลงมาสนใจหุ่นยนต์ในมือผมยิ้มอย่างที่ไม่เคยยิ้มมาก่อนเพราะมันรู้สึกดีมากๆ
ผมเพิ่งรู้ว่าการให้มันยิ่งใหญ่ขนาดนี้นี่เองเพราะตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยให้ใครเลยมีแต่ได้รับและมักจะเสียดายเมื่อจะเสียมันไป แม้ว่าสร้อยข้อมือนั้นจะไม่แพงอะไรมาก แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมได้หุ่นยนต์มาถืออยู่
แทนกันไม่ได้ แต่ยังดีกว่าหาไม่ได้

“อ่ะน้ำ” เสียงของไอ้จาดังขึ้นมาก่อนจะยื่นน้ำมาตรงหน้า มันยื่นยิ้มให้ผมจนน่าแปลกใจ

“ยิ้มอะไร?”

“เมื่อกี้กูเห็นนะ เพิ่งรู้ว่าคุณหนูอย่างมึงรู้จักขอร้องคนอื่นเป็นด้วยแถมรอยยิ้มเมื่อกี้ของมึงกลับทำให้กูรู้สึกว่ามันเป็นยิ้มที่จริงใจที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา”

“ไอ้สัดเวอร์ไปแล้ว กลับบ้านเถอะกูร้อน!
-//////////////////////////////////-
ที่ต้องเปลี่ยนเรื่องและชวนไอ้จากลับบ้านก็เพราะผมเขินที่ถูกมันชมเมื่อกี้ผมรับน้ำมาถือเอาไว้ก่อนจะรีบเดินนำมันไปที่รถแอบยิ้มตลอดทางในมือก็กำหุ่นยนต์ไว้แน่นด้วยความดีใจ หวังว่าตาแก่นั่นจะนึกอยากได้และให้อภัยที่ผมทำของรักของหวงเค้าพัง
แม้เค้าจะทำร้ายผมไว้มากแค่ไหนก็ตาม เฮ้อ! แล้วทำไมผมต้องตามง้อเค้าด้วยเนี่ย?

ผมกลับมาบ้านก็เดินมาที่ห้องทันทีไอ้จาบอกว่าพ่อมันไม่ได้กลับมานอนที่ห้องผมก็รู้เพราะนอนอยู่ทุกคืน เค้าไปนอนที่ห้องทำงานแทนผมเองก็ชั่งใจว่าจะทำยังไงกับหุ่นยนต์ที่ซื้อมาใหม่ ไม่สิผมได้มาแบบไม่ต้องซื้อด้วยซ้ำแค่แลกกับนาฬิกาของตัวเองเท่านั้นเอง!
“รู้ไหม? เดือนสิบสองไม่เคยทำอะไรแบบนี้”
พูดกับหุ่นยนต์ก่อนจะยกยิ้มแล้วเดินออกไปจากห้องพร้อมทั้งถือหุ่นยนต์นี่ติดมือไปด้วย ผมรู้สึกแค่ว่าตอนนี้อยากเอามันไปให้เค้าและไปจากที่นี่
สมองผมกำลังตีกันรวนไปหมดแล้วผมอยากไปจากตรังงั้นเหรอ? กลับไปกรุงเทพฯ เนี่ยนะแล้วผมจะไปอยู่กับใครแม้ว่าตัวเองจะมีคอนโดเหลืออยู่ก็ตามเพราะตอนซื้อมันเป็นชื่อของผมโดยสิ้นเชิง

แอด///
ผมผลักประตูห้องทำงานของพ่อไอ้จาก่อนจะคอยๆ ยื่นหน้าเข้าไปแอบดูมีคนครับแต่ว่าหลับอยู่ตรงหน้าก็มีซากหุ่นยนต์ที่กำลังพยายามต่อเข้าหากันวางอยู่ใกล้ๆ ผมค่อยๆ เดินเข้าไปอย่างเบาที่สุดก่อนจะไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้า
หัวคิ้วที่ถูกผมปาโทรศัพท์ใส่ก็แปะไว้แค่พลาสเตอร์เท่านั้นท่าทางจะหายแล้ว ผมยิ้มเวลาที่เค้าหลับทุกอย่างดูสงบไปหมดเลย
“ที่เอามาให้ รู้ว่าแทนกันไม่ได้แต่อย่างน้อยก็อยากให้จากกันด้วยดี”
รู้สึกหน่วงนิดหน่อยที่ต้องพูดแบบนี้แต่ทำไงได้ในเมื่อผมตัดสินใจไปแล้ว ผมอยู่ที่นี่มานานเกินไปพอๆ กับที่ชีวิตผมเริ่มเปลี่ยนไปมันเปลี่ยนไปในทางที่ดีแต่ผมกลับอยากวิ่งหนีเพราะไม่เข้าใจตัวเอง

“รู้ว่าแทนกันไม่ได้แล้วเอามาให้ทำไม” คิดว่าจะรอดพ้นจากสายตาเค้าได้แล้วแท้ๆ แต่เปล่าเลยมือที่จับลูกบิดไว้ต้องชะงักทันทีเมื่อเสียงของเค้าดังขึ้นมา
หัวใจเต้นแรงมากๆ

“อย่างน้อยทำผิดก็แค่อยากแก้ตัวไม่ใช่จู่ๆ ก็หายไป”
ผมแอบประชดเค้าทำผิดกับผมแทนที่จะพูดว่าขอโทษแต่กลับหายไปแล้วแบบนี้จะให้ผมคิดยังไง?

“งั้นเหรอ? พร้อมที่จะไปทุกเมื่อสินะ” สูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะค่อยๆ หันกลับมาเผชิญหน้ากับเค้าสายตาดุๆ มองผมอย่างไม่ลดละก่อนที่จะลุกขึ้นยืนในมือก็ถือหุ่นยนต์เด็กเล่นที่ผมวางเอาไว้

“จะอยู่ทำไม ถือว่าหายกันเรื่องที่เกิดขึ้นก็จะลืมไปให้หมด”

“มันลืมกันได้ง่ายๆ ขนาดนั้นเลยเหรอ”
เค้าตั้งคำถามและผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไม? อย่ามองมาด้วยสายตาที่เจ็บปวดแบบนี้จะได้ไหม? เหมือนว่าสายตากำลังบอกความรู้สึกเกลียดชังผมไม่ได้คิดไปเองแค่เค้าหลบหน้าผมไปหนึ่งอาทิตย์ก็น่าจะอธิบายทุกอย่างได้แล้วไม่ใช่เหรอ

” ผมเงียบไม่ได้ตอบอะไร
ตุบ!!!
หุ่นยนต์ที่เค้าถืออยู่ในมือถูกปามาตรงหน้าดีนะที่มันไม่กระจัดกระจายถึงแม้ว่าจะเป็นแบบนั้นแต่ก็สามารถต่อกันได้จนติดเพราะมันเป็นแค่ของเด็กเล่นก็เท่านั้นเอง คงเทียบกับหุ่นยนต์โมเดลราคาแพงๆ ไม่ได้หรอกครับ

“ถ้าไม่อยากได้ก็บอกกันดีๆ ไม่ใช่ปามันทิ้งแบบนี้รู้ว่าผิดที่ทำลงไป ในเมื่ออยากเกลียดกันจนวินาทีสุดท้ายก็ได้เหมือนกัน เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรที่เราจะมาทำดีต่อกันทั้งๆ ที่เกลียดกันแบบนี้”
ปัง!
ฮือๆ
ร้องไห้เหรอ?
เดือนสิบสองร้องไห้สินะเพื่ออะไรละ? ทำไมต้องร้องไห้กับไอ้แค่เรื่องแบบนี้ด้วย L







_____________________________

ครบ 100%

ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องหน่วง...
เค้าทะเลาะกันอีกแล้ว!!!!!!! 

คุณหนูอุตส่าห์ง้อก่อน แต่ทำไมพ่อเลี้ยงถึงทำแบบนี้ #นิสัยไม่ดี

หายไปนาน กลับมาละเศร้าแป๊บ...
ขออ่านเม้นหน่อยนะคะ ^^


วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

luscious, 6






luscious, 6
จุดเริ่มต้นของคำว่าหึง เปลี่ยนเป็นเกลียด



ตู๊ดๆ ๆๆๆ ๆ
เสียงรอสายดังขึ้นมาพร้อมๆ กับหัวใจผมที่เต้นแรงถ้าพ่อรับสายผมจะพูดว่ายังไง? ผมยังไม่พร้อมแต่ถ้าหนีปัญหาไปมากกว่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน
L
“เดือนสิบสอง”
เสียงของพ่อที่เรียกผมอย่างดีใจ พร้อมๆ กับหัวใจผมที่เต้นแรง
” ผมเงียบไม่ได้ตอบอะไรแต่ก็นั่งฟังเสียงของท่านอยู่
“พ่อขอโทษ พ่อมันแย่ที่ทำให้ลูกต้องลำบาก
“อะอึก” ผมพยายามกลั้นสะอื้นเอาไว้ไม่ให้ท่านได้ยินก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมา ผมไม่ได้โกรธถึงขนาดโทษว่าทุกอย่างเป็นความผิดของพวกท่านสองคน ถ้าจะโทษก็ควรเป็นผมมากกว่าที่ไม่ยอมช่วยอะไรนอกจากใช้เงินไร้สาระไปวันๆ
“พ่อกับแม่รักหนูนะเดือนสิบสอง
“ฮือๆ ผมก็รัก” สุดท้ายผมก็แพ้ใจตัวเอง แม้ว่าพวกท่านจะเห็นงานสำคัญกว่าผมแต่คำว่ารักที่ผมไม่เคยได้ยินมานานมาครั้งนี้กลับได้ยิน มันทำให้ผมรู้สึกดีใจมากๆ เลยทีเดียว
“พ่อบอกผมได้ไหมว่าทุกอย่างมันแย่ขนาดนี้ได้ยังไง?”
“พ่อเอาเงินไปลงทุนเพื่อจะเล่นหุ้น แต่ทุกอย่างกลับแย่เพราะค่าเงินมันตกต่ำ สุดท้ายพ่อก็ไม่เหลืออะไรจนต้องขายหุ้นของบริษัทเราที่เหลืออยู่หกสิบเปอร์เซ็นไปเพื่อใช้หนี้” น้ำเสียงของพ่อฟังดูไม่ดีเลยครับจนผมไม่อยากให้ท่านเล่าเรื่องแย่ๆ พวกนี้ต่อด้วยซ้ำ
“พ่อผิดเองที่ทำอะไรเกินตัว ทั้งๆ ที่พวกเราก็มีทุกอย่างจนใช้ไม่หมดแล้ว”
“นานเท่าไหร่แล้วครับที่พ่อเริ่มเล่นหุ้น ไหนตอนแรกพ่อบอกว่าโดนโกง!!!
“พ่อขอโทษแค่ไม่อยากให้ลูกคิดมาก พ่อเริ่มเล่นหุ้นได้สักปีกว่าแล้ว ช่วงแรกๆ ก็ทำเงินให้เราได้มากแต่ช่วงหลังมากลับแย่ลงเรื่อยๆ” ช่วงหลังมาที่ว่าแต่เงินในเช็คที่พ่อเขียนตั้งไว้ให้ผมแต่ละวันกลับเท่าเดิมไม่เปลี่ยน วันละหมื่นผมก็สามารถใช้มันจนหมดได้แค่พริบตาเดียวเหมือนไม่รู้จักคุณค่าของมันด้วยซ้ำไป
“แล้วทำไมพ่อยังให้เงินผมใช้เท่าเดิมเสมอทั้งๆ ที่เรากำลังจะไม่เหลืออะไร”
“พ่อกับแม่ไม่ได้ดูแลลูกดีนัก อย่างน้อยเงินก็สามารถทำให้ลูกมีความสุขได้”
“อะอึก” ผมสะอื้นอีกครั้ง เพราะพ่อกับแม่กำลังซื้อความสุขของผมด้วยเงิน “มันไม่เสมอไปนี่ครับ ทำไมพ่อกับแม่ไม่คิดว่าผมต้องการความอบอุ่นจากครอบครัวบ้างละครับ ที่ผมทำตัวแย่ๆ ก็เพราะอยากให้พ่อกับแม่รักและเป็นห่วงบ้าง”
“เดือนสิบสอง!
“บอกผมได้มั้ยว่าพ่อขายหุ้นทั้งหมดให้ใคร รวมถึงบ้านนั่นด้วย” คนที่เคยมีทุกอย่างแต่กลับไม่เหลืออะไรเลยมันก็แย่เสมอไป แต่คงไม่แย่ไปกว่านี้ถ้าหากรู้ว่าใครคือคนๆ นั้นที่ซื้อทุกอย่างต่อไปจากพ่อผมหรอกนะ
“พ่อขายให้คุณ
แค่ได้ยินมันก็เจ็บปวดและไม่คิดว่าจะได้ยินแบบนี้ด้วยอยากให้ทุกอย่างเป็นแค่ความฝันแต่ทำไมมันเหมือนความจริงเข้าไปทุกที!!!

จอมพล
หลังจากที่ถูกเดือนสิบสองพากลับมาที่บ้านผมนั่งรออยู่นานจนรู้สึกปวดแผลไปหมดเด็กคนนั้นก็ไม่ยอมเดินออกมาซักทีจนในที่สุดคนที่โผล่หน้าเข้ามาก็ดันเป็นเพื่อนสนิทของผมแต่ไหนแต่ไร ซึ่งหมอนี่คือคนเดียวที่จัดการธุระให้กับผมที่กรุงเทพฯ จะว่าไปก็เหมือนเลขาส่วนตัวของผมนั่นแหละ เอาเป็นว่าผมไม่ขอแนะนำตัวอะไรมากก็แล้วกันครับเดี๋ยวมันยาว
“ฉันอยากเห็นหน้าเดือนสิบสองจังเลย”

“จะไปอยากเห็นทำไม แล้วเรื่องที่ให้ไปจัดการละ
ผมรีบประท้วงขึ้นมาทันทีไม่รู้ว่าทำไมแต่ที่แน่ๆ ผมเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีเมื่อเห็นใครเข้าใกล้เด็กมีปัญหาคนนี้ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไปหลงผิดปล้ำเด็กมันได้ยังไงทั้งๆ ที่คืนนั้นผมไม่ได้เมาแต่เด็กมันเมาแถมผมไม่ได้ป้องกันด้วยสิครับ ทุกอย่างมันผ่านไปเร็วอย่างกับลุ่มหลงจนจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ากี่ครั้ง

“หวงหรือเปล่า”

“พูดมากไปแล้วเซย์” ผมเบือนหน้าไปมองก่อนจะส่งสายตาดุไปให้ สักพักได้ยินเสียงเดินเข้ามาของจา เด็กคนนี้ก็เปรียบเหมือนลูกแท้ๆ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่และผมก็ไม่อยากพูดถึงอดีตด้วยเพราะมันผ่านมานานแล้ว

“จาก็นึกว่าใครทำแผลให้พ่อที่แท้ก็พี่เซย์นี่เอง” ก็เพราะผมไม่ใช่พ่อแม้ๆ จาเลยเลือกที่จะเรียกเซย์แบบนี้แต่จะว่าไปหมอนี่เป็นฝ่ายเรียกร้องมากกว่าเพราะกลัวจะแก่ทั้งๆ ที่อายุก็ไม่ได้ต่างจากผมสักเท่าไหร่

“เพื่อนเราละ”

“ห่วงมันหรืออยากรู้ครับ”

“จา” ผมแอบส่งเสียงดุเมื่อจาพูดออกมาแบบนี้ซึ่งไม่ต่างจากคำพูดของเซย์ก่อนหน้านี้เลยละครับ

“คุยโทรศัพท์ครับ”

“กับใคร!!!

“ทำเป็นหวง พ่อเลี้ยงปากแข็ง!!!!!!” เซย์ว่าก่อนจะขยับไปห่างตัวผมเพราะหมอนี่ทำแผลให้ผมเสร็จแล้วถ้านั่งอยู่นานกว่านี้มีหวังได้เลือดครับ

“พ่อมันครับ”

“ว่าไงนะ!” ผมร้องขึ้นมาอย่างตกใจเพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่ดีเอาซะเลย ผมคิดไม่ตกแถมยังกลืนน้ำลายลงคอตัวเองแทบไม่ทัน
“เดือนสิบสองอยู่ไหน?”

“ในห้องผม” ไม่รอให้จาพูดจบผมก็ต้องรีบลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินออกมาแม้ว่าจะเจ็บแผลก็ตามแต่อย่างน้อยยังดีกว่าปล่อยให้อะไรแย่ลงไปกว่านี้
“พ่อเดี๋ยวสินี่มันอะไรกันกลับมาเล่าก่อนนะ”

“ปล่อยไปเถอะ เราออกไปที่อื่นกันดีกว่าปล่อยให้ครอบครัวเค้าเคลียร์กัน” สองของจาและเซย์ขาดหายไปเมื่อผมปิดประตูห้องของจาลง เดือนสิบสองที่ยืนนิ่งกำโทรศัพท์อยู่ในมือหันมาทางผม
นานครั้งจะได้เห็นเด็กคนนี้ร้องไห้และนั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีอะไรมากถ้าหากเดือนสิบสองร้องไห้เพราะผมกำลังจะแย่!!!!!

“เลว! ไปตายซะ!!!!
ตุบ! พลั่ก!
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากเพราะโทรศัพท์ที่เดือนสิบสองถืออยู่ลอยมาตรงหน้าดีนะที่ผมหลบทันไม่งั้นแย่แน่นอน เพราะหลังจากปามันมาเรียบร้อยแล้วร่างเล็กก็ตรงมาหาผมก่อนจะตั้งท่าซัดหมัดใส่แต่ผมกลับรั้งมือเล็กไว้ได้ทันก่อนจะรวบตัวเดือนสิบสองเอาไว้แล้วอุ้มกลับไปที่ห้องของตัวเอง ถ้าทะเลาะกันที่ห้องนี้รับรองพัง!!!

“ปล่อย! ไอ้เลว
ท่าทางจะรู้ความจริงแล้วสินะถึงด่าผมได้เต็มปากขนาดนี้แถมไม่กลัวว่าผมจะโกรธหรือไม่พอใจอีกต่างหาก ที่จาบอกว่าเดือนสิบสองเกลียดคนโกหกก็น่าจะเป็นความจริงที่น่ากลัวสุดๆ ไปเลยละครับ

ปัง! ตุบ!
ผมปิดประตูห้องล้อกกลอนอย่างแน่นหนาก่อนจะพาร่างเล็กมาโยนลงบนเตียง เดือนสิบสองนั่งจ้องหน้าผมด้วยสายตาที่เกลียดชังมากๆ ซึ่งมันแตกต่างจากทุกครั้งที่เราทะเลาะกันและเป็นแววตาที่ผมไม่อยากเห็นเลยทีเดียว
“ฉัน

“เกลียด!
มาเต็มทั้งคำพูดและน้ำตาเหมือนอยากอาละวาดแต่ทำอะไรไม่ได้มากเพราะว่าแค้นผมอยู่มือเล็กก็ได้แต่กำผ้าปูที่นอนไว้จนแน่นเหมือนกังระบายอารมณ์โกรธที่มีอยู่มากมายในตอนนี้

“เฮ้อ! อธิบายไปก็เท่านั้นแสดงว่าคุณสินธุบอกทุกอย่างแล้วสินะ”

“เพื่ออะไร? ทำไมต้องเป็นคุณ!!!!!
รู้สึกแปลกๆ เพราะก่อนหน้านี้ได้ยินสรรพนามตัวเองมากมายที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนแต่พอเจอเรื่องนี้ไปทุกอย่างกลับเปลี่ยนไปเหลือแค่คำว่าคุณ

“อธิบายก็ไม่ฟังแล้วจะถามทำไม?” ผมเองก็เหลือทนทำไมต้องไปพูดจาปากแข็งใส่ด้วยทั้งๆ ที่ใจจริงก็เป็นห่วงนั่นแหละครับ

“หึ! ก็นั่นสินะว่าอยู่ทำไมถึงไม่อยากรับผิดชอบอะไรเลย แต่ก็ดีเหมือนกันรู้ความจริงตอนนี้ก็ยังดีกว่าสร้างความทรงจำที่เลวร้ายเพิ่ม”

“เลวร้าย!!!! ผมรู้สึกไม่ค่อยดีนักกับคำพูดนี้ก่อนที่จะเดินตรงเข้าไปหาเดือนสิบสองที่นั่งอยู่บนเตียงคว้าร่างเล็กให้เข้ามาใกล้ตัวก่อนที่จะบีบแขนทั้งสองข้างด้วยอารมณ์โกรธ
ผมคิดว่าตัวเองพยายามทำให้ดีที่สุดแต่มันกลับดูเลวร้ายไปซะงั้น!!!

“ปล่อย! ต่อไปนี้ไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรกันอีกพรุ่งนี้ผมจะกลับกรุงเทพฯ ลาก่อนพ่อเลี้ยงจอมพล!!
ผมกัดฟันกรอดรู้สึกไม่พอใจกับคำพูดของเดือนสิบสอง เด็กคนนี้ที่ไม่เคยยอมแพ้ใครหรืออะไรง่ายๆ แต่กลับยอมแพ้เพราะเรื่องแค่นี้งั้นเหรอ

“ไม่ให้กลับ!! ผมเถียงเสียงแข็งเพราะตอนนี้ทุกอย่างมันเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว

“มีสิทธิ์อะไร?”

“ในเมื่อถามหาสิทธิ์ก็จะย้ำให้ว่ามีตรงไหนบ้าง หึ!
อื้อ
ผมว่าก่อนจะผลักเดือนสิบสองให้ล้มตัวลงไปนอนบนเตียงอีกครั้งพร้อมทั้งกดจูบจนคนตัวเล็กดิ้นไปมาแต่มีเหรอที่ผมจะยอม กดจูบหนักๆ พร้อมทั้งขบเม้มริมฝีปากจนได้ยินเสียงร้องครางออกมาอย่างยอมแพ้แต่ก็ได้ไม่นานเพราะเดือนสิบสองเปรียบดั่งม้าที่ชอบพยศไปเรื่อยอย่างไม่ยอมแพ้ใคร
แค่ก แค่ก
ผมยอมปล่อยให้เด็กน้อยเป็นอิสระแค่ไม่นานก่อนที่จะกระชากเสื้อผ้าที่เจ้าตัวใส่อยู่จนหลุดออกจนหมด ผมไม่ได้ซาดิสท์แต่ในเมื่อคุยกันดีๆ ไม่ยอมฟังแบบนี้ก็ต้องรุนแรงบ้าง
อย่าถามว่าเพราะอะไร ถามว่าทำไมตอนนี้ผมต้องโกรธกับอีแค่คำว่าเลวร้ายและโกรธเมื่อได้ยินเดือนสิบสองทวงถามสิทธิ์ที่ผมมีต่อตัวเค้าน่าจะดีกว่า!!!!!!

“เจ็บ!!!
L
เหมือนผมกำลังข่มขืนคนตรงหน้าก็ไม่ผิดเพราะผมทำทุกอย่างเร็วมากแม้กระทั่งสอดใส่เข้าไปในร่างกายของคนตัวเล็กตรงหน้าที่เอาแต่ร้องครางและร้องไห้จนน้ำตานองหน้าไปหมด แม้แต่กางเกงของผมยังถอดไม่หมดเลยด้วยซ้ำก็แค่เอาอาวุธของตัวเองออกมาก็เท่านั้นเอง

แฮ่ก แฮ่ก
สวบ!!!!
ทั้งหอบหายใจ ทั้งร้องไห้ปนกับร้องห้ามแต่เพราะอารมณ์โกรธของผมทำให้ทุกอย่างดูแย่ลงและไม่ยอมหยุดนอกซะจากจะกระแทกเข้าไปหาคนตรงหน้าเรื่อยๆ จนร่างกายขาวตรงหน้าแดงช้ำไปหมดทั้งตัว
ผมไม่ได้เล้าโลมด้วยซ้ำไปมันดูเลวร้ายอย่างที่เค้าพูดไว้จริงๆ นั่นแหละแต่ตอนนี้ผมหยุดไม่ได้แล้วหรือแม้แต่กลับไปอยู่ในจุดเริ่มต้นก็ตาม

“เกลียดอื้อ”

“คนที่พูดว่าเกลียดเค้าไม่ร้องครางอยากมีความสุขหรอกนะ เดือนสิบสอง!
อื้อ!
แค่คำพูดที่ทำร้ายยังไม่พอเพราะผมก้มลงไปกดจูบที่ริมฝีปากบวมเจ่อนี่อีกครั้งพร้อมทั้งดึงทึ้งอย่างกับคนบ้าเพื่อลงโทษเด็กน้อยตรงหน้าจนคนตัวเล็กสั่นเทาไปหมดทั้งตัวและเหมือนไม่มีเรียวแรงแม้แต่จะร้องห้ามผมอีกน้องจากจะนอนนิ่งให้ทุกอย่างมันจบๆ ไปสักที
แววตาสุดท้ายผ่านม่านน้ำตาผมเห็นแค่ว่าเดือนสิบสองจ้องมองมาด้วยสายตาที่ว่างเปล่าก่อนจะเบือนหน้าหนีไป
เสียงครางก็ยังคงดังขึ้นเรื่อยๆ ไปพร้อมๆ กับแรงขยับของผมทุกอย่างมันกำลังจะผ่านไปจนตอนนี้คนที่น่ามืดอย่างผมสำนึกผิดไม่ทัน
เดือนสิบสองปลดปล่อยไปแล้วไม่รู้กี่ครั้งกับการกระทำที่พูดได้เต็มปากว่าป่าเถื่อนของผมก่อนที่เด็กน้อยจะนิ่งเงียบไปพร้อมๆ กับที่ผมได้ปลดปล่อยมันออกมาข้างในและหยุดอยู่นิ่งไม่ยอมขยับไปไหน
แฮ่ก แฮ่ก
มีเพียงเสียงหอบหายใจรสต้นคอขาวตรงหน้าที่หลับตาปลิ่ม หากแต่น้ำตายังคงไหลออกมาเรื่อยๆ
“กะเกลียด!!! ก่อนจะหมดสติก็ยังไม่วายจะพูดว่าเกลียดผมจนรู้สึกแย่ไปซะหมด ผมไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไปบ้างแต่อย่างน้อยผมก็ลงมือข่มขืนเดือนสิบสองไปแล้ว!!!!

“โธ่โว้ย!
ผมปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไปก่อนที่ตัวเองจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำชำระร่างกายจนเสร็จแล้วเดินออกมาเห็นร่างเล็กที่บอบช้ำนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงก่อนที่จะค่อยๆ เดินเข้าไปหานั่งลงข้างเตียงมือข้างหนึ่งไม่กล้าแม้แต่จะยื่นเข้าไปหาด้วยซ้ำไป
แผลที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ กลับรู้สึกเจ็บอีกครั้งเมื่อผมปล่อยให้น้ำได้ชะล้างมัน แต่ความเจ็บที่ผมเจอก็คงไม่เท่าคนที่นอนอยู่ในตอนนี้
“ถึงจะพูดว่าขอโทษก็เปล่าประโยชน์ ก็แค่ไม่อยากให้ไปไหนผิดเหรอที่ทำแบบนี้!!!!!!!!
ถามใครก็บอกว่าผิด! ข่มขืนเมียตัวเองเนี่ยนะทำลงไปได้ยังไงแม้ว่าตอนแรกจะไม่อยากยอมรับสักเท่าไหร่แต่ทำยังไงได้ในเมื่อมันเกิดขึ้นไปแล้วและอีกอย่างผมก็อยากรักษาสิทธิ์นี้ของตัวเอง แต่พอเดือนสิบสองถามว่ามีสิทธิ์อะไรสติทุกอย่างกลับขาดหายจนหมดสิ้น!!!!
!!!
ผมเดินออกมาจากห้องก่อนที่จะมานั่งรับลมยามค่ำคืนเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้แต่ที่แน่ๆ ผ่านไปอย่างทรมานมาก
“พ่อโอเคปะเนี่ย แล้วไอ้คุณหนูมันหลับแล้วหรือไงทำไมไม่อาละวาด!

“จาทำยังไงเดือนสิบสองถึงจะหายโกรธพ่อละ?”

“หืม!!!!!!!” จาอุทานเหมือนไม่เชื่อคำพูดของผมก่อนที่จะเดินเข้ามาหาและนั่งลงข้างๆ ยกมือข้างหนึ่งมาอิงหน้าผากผมเอาไว้เหมือนกำลังวัดไข้
“ตัวก็ไม่ร้อนนี่ จู่ๆ พ่อพูดแบบนี้หมายความว่าไงหรือว่าพ่อ

“พ่อไม่รู้สิ แต่ที่แน่ๆ มันรู้สึกแย่”

“ก่อนอื่นพ่อเล่ามาดีกว่าว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ถามพี่เซย์ก็ไม่ยอมตอบ”

“พ่อเป็นคนซื้อหุ้นทั้งหมดรวมทั้งบ้านของเดือนสิบสอง”

“หา!” จาร้องดังกว่าเดิมแต่ก็นะคงแปลกใจว่าทำไมถึงเป็นผม “เป็นพ่อไปได้ยังไงกันเนี่ย แบบนี้ไอ้คุณหนูได้โกรธไปกันใหญ่แน่เลย”

“ตอนแรกพ่อก็ไม่รู้หรอกว่าคนที่เซย์ไปติดต่อจะเป็นพ่อของเดือนสิบสองเพราะทุกอย่างพ่อไม่ใช่คนจัดการก็แค่จ่ายเงินไปเท่านั้นเอง!

“พ่อก็เหมือนเจ้าหนี้มันไปแล้ว แต่ที่แน่ๆ มันไม่ใช่เรื่องดีเลยที่จู่ๆ ก็เป็นพ่อเหมือนไอ้คุณหนูจะแพ้ไปซะทุกอย่างแล้วแบบนี้มันไม่อยู่บ้านเราแล้วละพ่อ!!!” จาพูดทุกคำออกมาแต่ผมนี่สิที่ลำบากเพราะผมทำเรื่องแย่ๆ ไว้เยอะ

“ไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าพ่อเพิ่งไปข่มขืนเค้ามาหรอกนะ”

“พ่อ! โกหกจาปะเนี่ย” จาร้องดังเหมือนไม่อยากเชื่อคำพูดของผม

“แล้วคิดว่าพ่อเป็นคนยังไง” ผมกับจาเรามองหน้ากันแบบจริงจังมากๆ เพราะผมไม่เคยเป็นแบบนี้และคนอย่างผมก็พูดในเรื่องที่ตัวเองทำลงไปจริงๆ ได้อย่างหน้าตาเฉยด้วยเช่นกัน

“ให้ตายสิ! พ่อไปข่มขืนมันทำไมทั้งๆ ที่พ่อก็ได้มันไปแล้ว”

“ก็แค่เจ็บใจที่จู่ๆ เดือนสิบสองก็ถามหาสิทธิ์และพูดว่าจะไปจากที่นี่!!!

“ถ้าจะผูกมัดกันถึงขนาดนี้พ่อไม่ล่ามโซ่มันไปเลยละครับ โธ่! อยากจะบ้าตายทำไมพ่อปากแข็งแบบนี้เนี่ย ถ้าอยากให้มันอยู่ด้วยก็พูดไปตรงๆ สิ นี่อะไรดันไปข่มขืนมัน อ๊ากกกกกกกกกกกกก!!!!!! พ่อใจร้ายที่สุด” จาทึ้งหัวตัวเองไปมาก่อนจะลุกขึ้นยืนเหมือนกำลังโกรธผมแทนเพื่อนของตัวเอง

“จะเกลียดพ่ออีกคนก็ได้นะ”

“เกลียดทำไม ก็แค่ดีใจนิดหน่อยที่พ่อกล้าทำและยอมรับกับจาแต่ไม่รับประกันหรอกนะว่าจะช่วยได้ไหม? ถึงไอ้คุณหนูมันจะเหวี่ยงวีนไปมากแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าพูดว่าเกลียดแล้วละก็คงไม่ต้องเผาผีกันหรอก”

“เหมือนจะให้กำลังใจ”

“เฮ้อ! จาเครียดเอาไว้ค่อยคิดตอนนี้พ่อกลับไปดูมันดีกว่า! แล้วอีกอย่างห้ามแตะต้องมันอีกนะห้ามแม้กระทั่งคิดด้วย”

“จะพยายาม!

“พ่อ!!!!

“พ่อกลับห้องก่อนนะ” เหมือนจะดีขึ้นแต่เปล่าเลยแย่ลงกว่าเดิมผมตัดบทก่อนจะเดินกลับมาที่ห้อง กลับมาก็เห็นว่าเดือนสิบสองยังคงหลับอยู่ก่อนที่จะเดินไปนั่งข้างๆ มองร่างเล็กที่ไม่ได้สติด้วยอารมณ์ที่ขุนมัว

“ทำบ้าอะไรลงไปวะไอ้จอม!!” ด่าตัวเองไปก็เท่านั้นเพราะมันไม่มีอะไรดีขึ้นมาแล้วและอีกอย่างตื่นมาก็คงได้เห็นแววตาว่างเปล่าแต่คำพูดว่าเกลียดอีกแน่นอน
!!!

“กะเกลียด อะอึก ฮือๆ” ขนาดยังไม่ตื่นทั้งละเมอและร้องไห้พูดว่าเกลียดได้ขนาดนี้ถ้าตื่นขึ้นมาหน้าผมก็คงไม่อยากมอง








_________________________________________ 
ครบค่ะ

#บ่องตง
ไอ้คุณหนูมาอารมณ์ไหน คนแต่งก็บอกไม่ถูกคร้าบบบบบบ...

หน่วงไม่กี่ตอนหรือเปล่า?

#จะเริ่มอัพจาวาหลังจากที่เดือนสิบสองผ่านไปครึ่งเรื่อง
แต่จะอัพบทนำเมื่อเดือนสิบสองเดินไปถึงตอนที่ 8 ซึ่งตอนนี้ไรท์ปั่นเสร็จแระ ^^

สถานะคลุมเครือ NC น้อยนิด ฮาๆๆๆๆๆๆ



ถล่มเม้นเร็วๆ นะ เรื่องนี้เฮฮาปาร์ตี้สุดๆ แระ

โกรธกันได้ไม่นานหรอก เพราะใจมันเริ่มตรงกันแล้ว

กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก >/////////////////////////<

ภูมิใจนำเสนอ...


[คุณอาวุธxจาวา]
เรื่องนี้เด็กน้อยที่คอยช่วยคนอื่นมาตลอด พอถึงคราวตัวเองกลับทำอะไรไม่ถูก!!!!
#เปิดบ้านใหม่รอนาง เดือนสิบสองเหวี่ยงวีนเอาแต่ใจ แต่นางจะร้ายแทน หึหึ!