luscious, 19
ใครกันแน่ที่ต้องง้อ…
“ว่าไงนะ?”
อื้อ,
ผมร้องครางงัวเงียขึ้นมาทันทีเพราะเสียงร้องตะโกนของพ่อเลี้ยงราวกับว่ากำลังตกใจอะไรอยู่สักอย่างแต่ที่แน่ๆ
มันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ที่ทำให้ผมสะดุ้งทั้งๆ ที่ยังง่วงอยู่แบบนี้ พ่อเลี้ยงเอื้อมมือมาจับที่หัวของผมก่อนจะลูบไปมาเหมือนกำลังปลอบใจเพราะท่าทางสะดุ้งของผมมันทำให้เค้ารู้แน่นอนว่าผมตื่นแล้วแค่ไม่อยากลืมตาเท่านั้นเอง
“ฉันจะรีบกลับไป ฝากจัดการทางนั้นด้วยละ”
ผมไม่ได้ลืมตาเพราะยังเหนื่อยจากเมื่อคืนแถมกว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปเที่ยงคืนแต่ดันต้องมาสะดุ้งในตอนเช้า
จุ๊บ >//////////////<
“เค้าขอโทษที่ทำให้ตกใจแต่เราต้องกลับตรังกันแล้ว”
ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองหน้าคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ
พ่อเลี้ยงมองสบตาลงมาที่ผมแววตาแต่รอยยิ้มของเค้าทำให้ผมรู้ว่าเจ้าตัวกำลังคิดหนักแค่ไหน
“มีอะไรหรือเปล่า” ผมแทบไม่อยากตื่นเลยครับเพราะยังง่วงอยู่
พ่อเลี้ยงช่วยพยุงตัวผมให้ลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง…เค้าก้มหน้าลงมากดจูบที่เปลือกตาผมอีกครั้งก่อนจะขยี้หัวเล่นไปมา
“ที่สวนปาล์มไฟไหม้นะ”
“หืม ? เมื่อไหร่”
“รุ่งสางแต่ตอนนี้ไฟดับหมดแล้ว
เราไปอาบน้ำกันดีกว่าเพราะเทพจองตั๋วเช้านี้ไว้ให้แล้ว”
คนที่โทรเข้ามาคงจะเป็นพี่เทพสินะ
ท่าทางของพ่อเลี้ยงไม่เห็นจะอารมณ์ดีเหมือนตอนที่กำลังยิ้มให้ผมเลย
“พ่อเลี้ยง”
ผมทำหน้าเศร้าจ้องหน้าเค้า
พ่อเลี้ยงลุกขึ้นยืนก่อนที่จะขยี้หัวผมอีกครั้ง
เค้าไม่ได้พูดอะไรแต่กลับก้มลงมาก่อนจะช้อนร่างของผมขึ้นไปอุ้มเอาไว้พาเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ
เมื่อคืนผมไม่ได้อาบน้ำเพราะเหนื่อยจนเผลอหลับไปแต่ท่าทางพ่อเลี้ยงจะเช็ดตัวให้อีกแน่นอน
แถมเช้านี้เค้ายังพาอุ้มผมมาอีกน้ำอีกต่างหาก
การได้อยู่กับพ่อเลี้ยงถือได้ว่าสบายอย่าบอกใครเลยละครับเพราะเหมือนเค้าจะตามใจและทำอะไรหลายๆ
อย่างเพื่อผม
เราไม่ได้แช่ในอ่างแต่อาบน้ำจากฝักบัวแถมใช้เวลาแค่ไม่นานเหมือนพ่อเลี้ยงจะรีบและใกล้ได้เวลาไปเช็คอินกันแล้ว
พอออกมาจากห้องน้ำผมก็มัวหาเสื้อผ้าใส่อยู่จนพ่อเลี้ยงแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยไปนานแล้วเค้าใส่แค่เสื้อยืดแขนยาวสีขาวกับกางเกงยีนส์ส่วนผมตอนนี้มีแค่ผ้าขนหนูพันอยู่รอบเอวแต่
กกน. ผมใส่ละนะ อิอิ ^_^’
“หันมาสิ”
ไม่พูดเปล่าแต่พ่อเลี้ยงกลับรั้งไหล่ผมให้หันไปตามแรงของเค้าด้วยก่อนที่คนตัวสูงจะสวมเสื้อยืดแขนยาวสีเทาให้กับผมแต่ขอบอกว่ามันบางมากส่วนกางเกงก็เป็นขายาวแบบธรรมดาซึ่งเมื่อก่อนผมไม่เคยแตะ
“ใส่เสื้อคลุมทับไปนะ”
ผมพยักหน้าอย่างว่าง่ายก่อนที่จะใส่เสื้อทับอีกตัวตามที่เค้าบอก
เราไม่ได้เตรียมอะไรกันมากเพราะตอนมาก็ไม่ได้เตรียมอะไรอยู่แล้วส่วนตอนกลับยิ่งไม่ต้องกลับ
พ่อเลี้ยงพาผมลงมาด้านล่างก่อนจะเรียกแท็กซี่และตรงดิ่งไปยังสนามบินทันที
ระหว่างที่เช็คอินแล้วรอขึ้นเครื่องโทรศัพท์ของพ่อเลี้ยงก็ดังขึ้นมาอีกผมมองสบตาก่อนที่เค้าจะกดรับสายแต่ก็ไม่ได้ไปคุยที่อื่นนอกซะจากจะนั่งอยู่ใกล้ๆ
ผมเหมือนอยากให้ผมรับรู้ด้วย
“ว่าไงเซย์”
“เทพเพิ่งโทรมาบอก จะให้ฉันไปตรังไหม?”
ผมได้ยินเสียงของพี่เซย์ชัดเจนเลยละครับน้ำเสียงของเค้าฟังดูเป็นห่วงมากๆ
“ไม่เป็นไร นายจัดการเรื่องที่กรุงเทพฯ
ให้เสร็จก่อนละกัน”
“งั้นก็ได้ เสร็จแล้วฉันจะรีบตามลงไป”
“อืม, แค่นี้ก่อนละกันได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว”
พ่อเลี้ยงกดวางสายก่อนจะถอนหายใจเหนื่อยๆ
ผมไม่รู้ว่าเค้าต้องเจอกับอะไรบ้างแต่อย่างน้อยในตอนนี้ผมก็ควรให้กำลังใจเค้าสินะครับ
“จอมพล”
ผมเรียกชื่อเค้าก่อนจะจับมือหนาข้างหนึ่งเอาไว้บีบเข้าหามือผมจนแน่น
พ่อเลี้ยงหันมามองก่อนจะส่งยิ้มเหนื่อยๆ มาให้
“เค้ารู้นะว่าตัวเองเหนื่อย”
“จะอยู่กรุงเทพฯ ไหม จะให้เซย์มารับ”
ผมไม่รู้ว่าทำไมพ่อเลี้ยงถึงพูดแบบนี้แต่ถึงยังไงจ้างให้ผมก็ไม่อยู่หรอกครับ
“ไม่อยากให้กลับไปด้วย…เป็นห่วง”
“เค้าก็เป็นห่วง ไหนว่าจะปกป้องยังไง”
“งั้นสัญญาได้ไหมว่าจะไม่อยู่ห่างกัน”
“ครับ”
ผมรับปากเค้าไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่นก่อนที่พ่อเลี้ยงจะออกแรงบีบมือของผม
ตอนนี้ได้เวลาที่ต้องไปขึ้นเครื่องแล้วตลอดทางที่เครื่องบินกำลังทยานอยู่บนท้องฟ้าพ่อเลี้ยงเอาแต่เงียบและเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ผมเองก็ไม่กล้าถามอะไรมากนอกซะจากจะเงียบและจับมือเค้าไว้ตลอดทาง
พอกลับมาถึงสนามบินที่ตรังพี่แหวนก็เป็นคนขับรถมารับพวกเราสองคนส่วนพี่เทพอยู่จัดการเรื่องไฟไหม้สวนปาล์มอยู่ที่ไร่
เมื่อมาถึงพ่อเลี้ยงก็ออกคำสั่งให้ผมกลับไปรอที่บ้านทันทีส่วนเค้าก็จะไปที่สวนปาล์มแต่ผมกลับไม่ยอมซะงั้น
“ไหนว่าจะไม่ห่างกัน”
“เดือนสิบสอง”
“เค้าไปด้วยนะ พี่แหวนก็อยู่ทั้งคน”
ผมส่งสายตาอ้อนวอนจนพ่อเลี้ยงยอมก่อนจะเอื้อมมือมาจับข้อมือผมเอาไว้แล้วพาเดินตรงไปยังสวนปาล์มทันที
บรรยากาศไม่ค่อยประเทืองอารมณ์เดือนสิบสองเลยละครับถ้าเป็นเมื่อก่อนลากให้ตายผมก็ไม่มีทางเข้ามาในสวนปาล์มแน่นอนแต่ทำไมตอนนี้ผมถึงเป็นฝ่ายขอร้องที่จะตามพ่อเลี้ยงมาแบบนี้ก็ไม่รู้สิครับแต่ที่แน่ๆ
ผมเป็นห่วงเค้า
แต่ตอนนี้เดือนสิบสองน่าจะห่วงตัวเองก่อนดีกว่าครับ…
อ๊ะ!
อะ…อ้วก ก กกก ก
แค่ก แค่ก
อยากจะบ้าตายทำไมต้องมาแพ้ท้องตอนนี้ด้วยเนี่ย
แถมควันไฟที่ยังดับไม่สนิทยังฟุ้งไปซะทั่วจนหายใจไม่ออกแทบอ้วกหมดไส้หมดพุงเลยทีเดียว
“เดือนสิบสอง” พ่อเลี้ยงวิ่งเข้ามาหาก่อนจะลูบหลังให้กับผมท่าทางมีแววผมจะไม่ได้ตามเค้าไปแล้วมั้งเนี่ย
“กลับบ้านเลยนะ”
“ไม่กลับ!” เอาวะขอใช้นิสัยแบบเดิมๆ
หน่อยละกัน
ผมจ้องหน้าพ่อเลี้ยงอย่างไม่ยอมแพ้แถมสีหน้าของเค้าก็ดูเหมือนจะไม่พอใจท่าทางของผมด้วยดูก็รู้ว่าเค้าเป็นห่วงแต่ผมนี่สิที่อยากดื้อและตามไปดูให้แน่ใจว่าเค้าจะปลอดภัย
“ฉันบอกให้กลับ!!!”
สะอึกไปสิครับเพราะพ่อเลี้ยงกำลังขึ้นเสียงใส
ผมแบนปากจ้องหน้าพ่อเลี้ยงแววตาแดงกร่ำ
“…” พูดไม่ออก
บอกไม่ถูกพ่อเลี้ยงดุผม
“มีอะไรหรือเปล่าครับพ่อเลี้ยง”
เสียงของพี่เทพดังขึ้นมาซะก่อนพ่อเลี้ยงเลยเลิกสนใจผมก่อนที่จะหันไปคุยกับพี่เทพส่วนพี่แหวนก็เดินเข้ามาหาก่อนจะช่วยพยุงผมเอาไว้
“เปล่า! ก็แค่เด็กดื้อ”
ตอบคำถามไปเบือนหน้ามามองผมก่อนจะหันกลับไป “ทางนี้เรียบร้อยดีหรือเปล่า”
“ตอนนี้ไฟดับหมดแล้วครับ
แต่คนงานดูจะบาดเจ็บไปหลายคนตอนที่ช่วยกันดับไฟ
ดูเหมือนพวกมันตั้งใจจะเผาตั้งแต่ฝั่งแดนทางริมเขาครับ”
พี่เทพตอบคำถามสีหน้าของพ่อเลี้ยงดูไม่ดีเลยครับเหมือนเค้ากำลังหนักใจ
แม้ว่าความเสียหายจะไม่มากเท่าที่เค้ามีอยู่แต่อย่างน้อยพ่อเลี้ยงก็ถูกหยามหน้าไปซะแล้ว
“แล้วไอ้คมละ?”
“ผมอยู่นี่ครับพ่อเลี้ยง แค่กๆ”
เสียงของนายคมดังขึ้นมาจากด้านหลังทำเอาผมตกใจแทบแย่
จะไม่ให้ตกใจได้ยังไงในเมื่อจู่ๆ ก็โผล่มาแถมยังมาทางด้านหลังอีกต่างหากคนยิ่งใจไม่ดีอยู่
“เป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ”
“ผมแค่ตกใจนะครับ
งั้นเรากลับบ้านกันเถอะผมไม่อยากทะเลาะกับคนแก่” พี่แหวนถามผมด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่ผมกลับตอบไปด้วยน้ำเสียงที่ดังพอจะทำให้เค้าได้ยิน
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
“ผมแค่สำลักควันไฟตอนไปช่วยคนงานดับไฟก็เท่านั้นเองครับ”
“อืม, งั้นก็ไปพักผ่อนซะ”
ถึงแม้ว่าผมจะเดินออกมาแล้วก็ตามแต่ที่แน่ๆ ผมยังได้ยินเสียงเค้าชัดแจ๋วเลยทีเดียว
พ่อเลี้ยงบ้าน่าหมั่นไส้ที่สุดเลยคนเค้าอุตส่าห์เป็นห่วงแต่ทำไมต้องมาขึ้นเสียงดุใส่ด้วยเนี่ย
“พี่แหวนผมหิว”
พอกลับมาถึงบ้านผมก็กระทืบเท้าจนดังสนั่นเดินตรงไปนั่งที่โซฟา รู้สึกหมั่นไส้พ่อเลี้ยงไม่หายเลยเนี่ยคนอะไรก็ไม่รู้ชอบวางมาดแถมยังชอบดุผมอีกต่างหาก
“งั้นเดี๋ยวพี่แหวนไปหาอะไรให้กินนะค่ะ”
ผมพยักหน้าก่อนจะลุกขึ้นไปเปิดทีวีหยิบรีโมตมาเลื่อนช่องต่างๆ ไปเรื่อยๆ
แถมยังไม่ลืมยกขาขึ้นไปพาดกับโต๊ะที่ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างโซฟาอีกต่างหาก
อยากทำตัวเป็นคุณหนูนิสัยแย่ๆ แบบเดิมอีกครั้ง ให้มันรู้ไปสิว่าพ่อเลี้ยงจะไม่สนใจนี่แหละวิธีเรียกร้องความสนใจชั้นดีเยี่ยมเลยทีเดียว…
หึหึ!!!
“พี่แหวนทำอาหารเสร็จแล้วเหรอครับ”
ผมไม่ได้สนใจว่าใครกำลังเดินมาแต่ก็คงไม่ใช่พ่อเลี้ยงแน่นอนเพราะเค้าคงยังอยู่ที่สวนปาล์ม
“…”
พี่แหวนไม่ยอมตอบคำถามแต่ทำเหมือนไม่ได้ยินที่ผมพูดก่อนจะเดินหายออกไปและนั่นกลับทำให้ผมนึกสงสัยก่อนจะลุกพรวดขึ้นนั่งมองไปรอบๆ
แต่กลับไม่เห็นใครสักคน
!!!
ผมหันกลับมาสนใจหน้าจอทีวีตรงหน้าก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกครั้ง
ผมรู้สึกได้ทันทีว่าร่างกายมันเหนื่อยมากจริงๆ จะด้วยอะไรหลายๆ
อย่างก็ตามแต่ที่แน่ๆ ผมเหนื่อยสุดๆ จนอยากนอนหลับไปเลยด้วยซ้ำไป
เฮ้อ…
ว่างเปล่าจังเลย! ทำไมทางข้างหน้าถึงดูไม่คุ้นเคยแถมยังน่ากลัวอีกต่างหากราวกับว่าผมกำลังเดินหลงทางอยู่ในมุมหนึ่งของโลกที่แสนจะกว้างใหญ่และดูน่ากลัว
ความเหงาก้าวเข้ามา
ทุกคนต่างเดินหนีและไม่ต้องการผม… สองเท้าก้าวเดินเคว้งคว้างเหลือเกินมันทรมานจริงๆ
เลยครับ ทรมานจนแทบจะไม่อยากก้าวเดินต่อไปด้วยซ้ำไป
หมับ!
อ๊ะ! ผมร้องอุทานขึ้นมาอย่างตกใจร่างที่เห็นคือไอ้จาครับ
มันกำลังยืนมองผมสายตาดูมีความสุขแต่ใบหน้ากลับเศร้าหมอง
“จามึงเป็นอะไร?” ผมร้องถามก่อนจะจับมือมันเอาไว้
แต่ไอ้จากลับไม่พูดอะไรสักคำ…สักพักภาพที่ได้เห็นก็หายไปในชั่วพริบตาราวกับว่าไอ้จาไม่เคยยืนอยู่ตรงหน้าผมเลยด้วยซ้ำไป
ผมยืนนิ่งอยู่กับที่ก่อนสติจะกลับมาขาทั้งสองข้างไร้เรี่ยวแรงแต่ก็ไม่อยากยืนอยู่ตรงนี้คนเดียวได้แต่เดินไปเรื่อยๆ
เพื่อหาใครสักคน
“นี่มันอะไรกัน แล้วทุกคนหายไปไหนกันหมด” ผมหยุดนิ่งอยู่กับที่อีกครั้งมองทางข้างหน้าที่หาจุดหมายไม่เจอพร้อมทั้งหันไปตามทิศทางต่างๆ
มองว่ามีใครอยู่ในบริเวณนี้บ้าง
แต่ความรู้สึกกลับบอกว่าผมอยู่คนเดียวในสถานที่แห่งนี้
“…” เงียบ! ไม่มีใคร
มันน่ากลัวมากๆ
“พ่อ แม่…มีใครอยู่แถวนี้ไหมครับ”
ขาทั้งสองข้างก้าวเดินต่อไปเรื่อยๆ แต่ปากก็ยังคงร้องเรียกหาพ่อกับแม่
แต่กลับไม่มีใครขานรับผมสักคน
“…”
“ทำไมทุกคนถึงหายไปกันหมด จาวา…มึงอยู่ที่ไหนเนี่ย?
พี่แหวน พี่เทพ…” เสียงของผมเริ่มเปลี่ยนไปมันสั่นสะอื้นขึ้นมาทันทีเมื่อรับรู้ได้ว่าไม่มีใครขานรับผมสักคน
“ฮือๆ อะ…อึก หายไปไหนกันหมด”
ปัง!
เสียงปืนดังขึ้นมาจนทำให้ผมตกใจน้ำตาไหลออกมามากกว่าเดิมได้แต่วิ่งไปตามเสียงปืนที่ได้ยินก่อนดวงตาทั้งสองข้างจะเบิกกว้างเพราะภาพที่ได้เห็นคือพ่อเลี้ยงกำลังถูกยิงร่างสูงล้มลงไปตรงหน้าผมในขณะที่ผู้ชายอีกคนกำลังยืนหันหลังให้ผมและหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ
“พ่อเลี้ยง!”
ผมร้องเรียกก่อนที่จะวิ่งเข้าไปหา แต่คนตรงหน้ากลับแน่นิ่งไปซะแล้วเลือดท้วมตัวเลยทีเดียว
“แกเป็นใคร?”
ผมร้องถามทั้งน้ำตา เสียงที่เปล่งออกไปก็สั่นสะอื้นไปซะหมดฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเลย… ที่ผมถามแบบนี้เพราะมันคลุมหน้าเอาไว้เห็นแค่เพียงดวงตาเท่านั้นแต่แค่นี้ผมคงไม่รู้หรอกครับว่ามันเป็นใคร?
“หึ! แล้วเราจะได้เจอกัน”
มันว่าก่อนจะจ่อปืนมาตรงหน้าผมกับพ่อเลี้ยง
“ไม่!”
ปัง!
ผมร้องห้ามสุดเสียงแต่กลับไม่ช่วยอะไรได้เสียงปืนดังขึ้นอีกนัดพร้อมทั้งร่างกายของตัวเองที่ล้มฟุบลงไป…
“ไม่! พ่อเลี้ยง…อะ
อึก”
เพล้ง!!!
เสียงปืนหายไปแปลเปลี่ยนเป็นเสียงคล้ายกับอะไรตกแตกดังสะนั่นจนผมตกใจสะดุ้งออกมาจากภวังค์และนั่นกลับทำให้ผมรู้ว่าเรื่องราวก่อนหน้านี้ผมฝันไป
แต่มันกลับเป็นฝันที่น่ากลัวมือทั้งสองข้างกุมหน้าของตัวเองสัมผัสได้ทันทีว่าน้ำตามันไหลออกมาจริงๆ
“คุณหนู”
เสียงของพี่แหวนดังขึ้นมาก่อนที่เค้าจะวิ่งมาหาผม “เกิดอะไรขึ้นค่ะ ร้องไห้ทำไม?”
พี่แหวนอ้อมมาฝั่งผมก่อนจะร้องอุทานอย่างตกใจอีกครั้ง
“ว๊าย! แจกันตกแตกนี่เอง”
“พี่แหวนพ่อเลี้ยงละครับ”
พอนึกออกผมก็ร้องถามขึ้นมาทันทีแต่น้ำตามันกลับไม่หยุดไหล
“ก็…”
“แหวนเมื่อกี้เสียงอะไร?”
คำถามของผมถูกคลี่คลายทันทีเมื่อพ่อเลี้ยงเดินเข้ามาและร้องถามพี่แหวน
น้ำเสียงของเค้าดูตกใจไม่ต่างไปจากพี่แหวนเลยครับแต่ที่แน่ๆ
ผมกลับยิ้มออกที่ได้เห็นเค้าและความฝันก่อนหน้านี้จะต้องไม่เป็นความจริง
ถ้าใช่! ผมทนไม่ได้หรอกครับที่จะไม่มีเค้าอยู่ข้างๆ
“เอ่อ, พอดีแจกันตกแตกนะคะ”
พี่แหวนตอบคำถามแต่สายตาของพ่อเลี้ยงกลับมองมาทางผม
เหมือนเค้ากำลังโกรธและคิดว่าผมกลายเป็นคนนิสัยแย่ๆ
แบบเดิมอีกแน่นอน… ดูจากสายตาก็รู้และนั่นทำให้ความดีใจหายไปแปลเปลี่ยนเป็นความน้อยใจ
“พี่แหวนผมไม่หิวแล้ว ขอตัวนะครับ”
แม้ร่างกายมันจะไม่มีเรี่ยวแรง
แค่สายตาของพ่อเลี้ยงที่มองผมมันทำให้สมองไม่อยากคิดอะไรอีกเลย
เหนื่อย…
ผมไม่อยากพูดคำนี้หรอกครับแค่มันรู้สึกจริงๆ
ก็แค่ทำเหมือนอารมณ์ดีไปก็เท่านั้นเอง
แอด,
ผมเดินกลับเข้ามาที่ห้องก่อนจะเปิดประตูเข้าไป เดินไปนั่งที่ปลายเตียงถอนหายใจออกมายกเท้าทั้งสองข้างขึ้นมาแต่ความรู้สึกบางอย่างกลับบอกผมว่ามันเจ็บเพราะขาข้างหนึ่งไปกระทบเข้ากับผ้าปูเตียงจนรู้สึกแสบ
ผมยกขาข้างขวาของตัวเองขึ้นมาก็เห็นว่ามีรอยแดงๆ
แถมเลือดยังไหลซึมออกมาอีกต่างหากแม้ว่าจะไม่มากแต่มันกลับแสบและเจ็บมากๆ ด้วย
“เฮ้อ! ต้องเป็นตอนที่ปัดแจกันแตกแน่ๆ
เลย” ผมถอนหายใจและเพลียกับตัวเองมากๆ เจ็บตัวขนาดนี้แต่กลับไม่รู้สึก “แล้วกล่องยามันอยู่ตรงไหน”
นั่งหันซ้ายหันขวาอยู่ในห้องก่อนที่สายตาจะไปเห็นเข้ากับกล่องปฐมพยาบาลที่ตั้งอยู่มุมหนึ่งของห้อง
ครืด ครืด
ผมลุกขึ้นยืนกำลังจะเดินไปที่กล่องปฐมพยาบาลแต่เสียงของโทรศัพท์กลับดังขึ้นมาซะก่อนจนต้องเดินไปหาต้นเสียง
ผมจำได้ว่าเก็บมันไว้ในกระเป๋าตอนกลับเพราะนานๆ ทีโทรศัพท์ของผมจะมีสายเข้ามา…คงรู้นะครับว่าเพราะอะไร?
ไทเป…
โทรมาแบบนี้ทั้งๆ ที่หายไปนาน ใครตาย?
“ว่าไง?”
“โถ่! ไอ้คุณแม่…ปากเหรอนั่น”
กวนประสาทผมได้ตลอดเวลา เรื่องก่อนหน้านี้ยังไม่ได้เคลียร์เลย
“มีอะไร คนเค้าไม่ว่างอยู่”
“เอาใจสามีอยู่หรือไงครับ”
ผมเกลียดไทเปชะมัดเพราะหมอนี่ชอบพูดจากวนประสาทผมและรู้ทุกอย่างที่แม้แต่ตัวของผมเองก็ยังไม่รู้เลยครับ
“มีอะไรก็ว่ามา”
“ตรงประเด็นดี
งั้นช่วยกูหน่อยถือว่าขอร้องเพราะป๊าจะบังคับให้กูแต่งงาน”
“หืม? ป๊าก็คิดดีแล้วนี่” ผมมักจะเรียกป๊าของไทเปแบบนี้ส่วนมันก็ไม่ต่างกันจะเรียกพ่อกับแม่ผมอย่างที่ผมเรียก
แต่จะว่าไปคนอย่างไทเปถ้าถึงขั้นมาขอร้องผมแสดงว่าจนมุมจริงๆ แล้วครับ
“…”
“ไม่ช่วย!”
ตอบได้เร็วทันใจมากในระหว่างที่ไทเปมันกำลังเงียบอยู่ “ขนาดตัวเองยังเอาไม่รอด
ไม่ว่างช่วย!!!”
“อะไรเนี่ย? ใจดำชะมัด”
“ก็แค่มีเมีย”
ผมยิ้มขำก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่ปลายเตียงแต่ระหว่างที่เดินกลับไปสายตาก็หันไปเห็นพ่อเลี้ยงยืนอยู่ในห้องแล้ว
หัวใจผมเต้นแรงมากเมื่อเห็นเค้าก่อนจะปั้นหน้าทำเป็นไม่สนใจและคุยโทรศัพท์ต่อแต่ก็ไม่ลืมนั่งหันหลังให้เค้า
“ถ้าเมียก็ดีสิ ป๊าจะให้กูแต่งงานกับผู้ชาย!!!”
อื้อ…
ผมร้องครางสะดุ้งออกมา พ่อเลี้ยงนั่งยองๆ
ลงตรงหน้าก่อนจะจับขาข้างขวาผมเอาไว้แล้วทายาให้ส่วนผมก็นั่งมองหน้าเค้าแต่ปากก็คุยโทรศัพท์ต่อ…
“งะ งั้นเหรอ”
“เกิดผีเข้าทำน้ำเสียงกระตุกทำไมคนยิ่งเครียดๆ
อยู่” เสียงของไทเปพูดออกมา
แต่ผมไม่มีสมองว่างพอจะฟังเลยด้วยซ้ำและแน่นอนว่าสายตาของผมกำลังก้มมองการกระทำของพ่อเลี้ยงที่นั่งทำแผลให้ผมอยู่
“…”
“เฮ้ย! เดือนสิบสองฟังอยู่ไหมเนี่ย”
“ฟัง! ว่าต่อสิ…”
“ว่าต่ออะไร กูให้มึงช่วยนะ”
ผมนั่งฟังเสียงของไทเปที่เข้าหูซ้ายทะลุออกไปทางหูขวา พ่อเลี้ยงทำแผลให้ผมเสร็จก่อนจะลุกขึ้นยืนอยู่ตรงหน้า
เค้าไม่ได้เดินไปไหนนอกซะจากจะหยุดอยู่กับที่ผมเลยต้องเงยหน้าขึ้นไปมองจนได้สบตากับเค้า
จู่ๆ
พ่อเลี้ยงก็ก้มหน้าลงมาหาผมจนเราอยู่ใกล้กันมากขึ้น
ส่วนผมก็ฟังเสียงโวยวายของไทเปแบบขอไปที…
จุ๊บ,
“เค้าขอโทษ! อย่าทำให้เป็นห่วงไปมากกว่านี้ได้ไหม…ขอร้อง”
ตึกๆ ตักๆ
พ่อเลี้ยงกดจูบที่หน้าผากผมเบาๆ ก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงที่เบาหวิว… ผมกระพริบตาถี่ๆ
จ้องหน้าเค้าแต่ทว่าสิ่งที่ไม่คาดคิดก็สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาเมื่อพ่อเลี้ยงก้มลงมาอีกครั้งพร้อมทั้งกดจูบอย่างอ่อนโยนที่ริมฝีปาก
ให้ตายสิ! ผมกำลังคุยโทรศัพท์กับไทเปอยู่นะ
แต่จูบของพ่อเลี้ยงกลับทำให้ผมลืมทุกอย่างแถมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโทรศัพท์ที่ถืออยู่ในมือมันตกลงไปอยู่บนเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่แต่ที่แน่ๆ
ตอนนี้สมองของผมไม่รับรู้อะไรแล้วครับนอกจากจูบรสหวานนี้…
>/////////////////////<
เขินครับ!!!
___________________________________
ครบ%
ถ้ามันจะเงียบและเหงาขนาดนี้
เค้างึดดดดดดดดด!!!
อยากอ่านเม้นนนนนนนนนนนนนนนนนนน...
ตามจริงปั่นครบไปนานแล้วแถมตอนที่20ก็ปั่นไปแล้ว
แต่รู้สึกเหมือนมันจะลากเนื้อหาเลยลบปั่นใหม่ตั้งแต่ตอนที่19ที่เพิ่งมาต่อจนครบนี่แหละค่ะ...
ไม่เหนื่อยนะ แต่ก็อัพบ่อยๆ ไม่ได้
#ขอโทษด้วยนะคะ
ถ้ามันจะเงียบและเหงาขนาดนี้
เค้างึดดดดดดดดด!!!
อยากอ่านเม้นนนนนนนนนนนนนนนนนนน...
ตามจริงปั่นครบไปนานแล้วแถมตอนที่20ก็ปั่นไปแล้ว
แต่รู้สึกเหมือนมันจะลากเนื้อหาเลยลบปั่นใหม่ตั้งแต่ตอนที่19ที่เพิ่งมาต่อจนครบนี่แหละค่ะ...
ไม่เหนื่อยนะ แต่ก็อัพบ่อยๆ ไม่ได้
#ขอโทษด้วยนะคะ
อัพเถอะค่ะ พลีสสสส
ตอบลบสู้ๆนะคะ อย่าหักโหม เดี๋ยวไม่สบาย ^___^
ตอบลบเรียกร้องความสนใจได้ถูกเวลามั้ยเนี่ยลูก-_-
ตอบลบฮ่าๆๆๆ อยากให้สนใจ!!! มาต่อเร็วน่ะ สู้ๆๆๆๆๆ
ตอบลบรออ่านนะคะ ดูแลสุขภาพด้วยค่ะ
ตอบลบอย่าดื้อเลยไม่สงสารพ่อเลี้ยงหรือไงแค่ปัญหาที่เกิดก็ยังไม่ทันได้แก้ไขเลย เป็นแม่คนแล้วเข้าใจอะไรบ้างสิ อย่าคิดแต่จะดื้อแพ่งอย่างเดียว
ตอบลบดื้ออีกแล้ว เดือนสิบสอง
ตอบลบไรท์คร่าาาา รีบมาต่อเร้วเร้วนร้าาาาาาา ('/\^_^/\')
ตอบลบรออ่านอยุนะคะ สู้ๆคะ
ตอบลบพ่อเลี้ยงงง. <////<
ตอบลบ>< เขินแทน น่ารักจัง
ตอบลบเดือนสิบสองหนูฝันอะไรเนี้ย...จะเป็นลางบอกเหตุอะไรรึเปล่า.....แต่ชอบตอนพ่อเลี้ยงก้มลงทายาให้อ่ะ....แอบมโนว่าเป็นตัวเอง....ฟินอ่ะ....อิอิ
ตอบลบเดือนสิบสองหนูฝันอะไรเนี้ย...จะเป็นลางบอกเหตุอะไรรึเปล่า.....แต่ชอบตอนพ่อเลี้ยงก้มลงทายาให้อ่ะ....แอบมโนว่าเป็นตัวเอง....ฟินอ่ะ....อิอิ
ตอบลบพ่อเลี้ยงหวานไม่แคร์สื่อค๊าาาา โคตรฟิน!!
ตอบลบเขินอ่ะ พ่อเลี้ยงน่ารักไปนะ
ตอบลบเอิ่มไทเปจะได้ยินอะไรมั้ย^^"
เขินนนนนนนนนนนน
ตอบลบโอ๊ยๆๆๆ พ่อเลี้ยงน่ารักไปมั้ยคะ ทำแบบนี้เดือนสิบสองคงเขินตัวแตกแน่ๆ
ตอบลบว่าแต่ใครกันคนที่ ไทเปจะต้องแต่งงานด้วย หรือว่าจะเป็นเซย์? หว่า555
น่ารักจัง รอตอนต่อไปนะคะ
ตอบลบจุ๊บหน้าผาก>\\\\\<เขินจัง5555 หวานไม่สนใจเพื่อนเลย555555
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบพ่อเลี้ยงน่ารักขึ้นเยอะ
ตอบลบเขิลล ไทเปจะได้ยินเสียงไหม5555
ตอบลบอร้ายยยยย พ่อเลี้ยงน่ารักเกิ๊นนนน
ตอบลบคิดถึงพ่อเลี้ยงกับคุณหนูเดือนสิบสองงงง -//////-
ตอบลบพ่อเลี้ยงน่ารักอ่าาาาา
ตอบลบอัพไวๆนะคะชอบมากๆเลย
ตอบลบไรรรรรรรท์คร้าาาาาาา ยิ่งอ่านยิ่งน่ารักอ่ะ มาต่อเร้วเร้วนร้าาาาาา ><
ตอบลบแอร้ยยยย เขิลลลล 5555 //สู้ๆนะคะ
ตอบลบแอรีกกก เชิลลลล
ตอบลบไปเปน่าอิจฉาจึงได้ฟังหนังสดป่ะเนี้ยยยยยย
ตอบลบอย่าเกิดเรื่องไม่ดีเลยยยยย