วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2557

luscious, 26




luscious, 26
ความสุขเอ่อล้น


หลังจากที่จูบกันอยู่นานทั้งผมและเดือนสิบสองก็แทบไม่มีลมหายใจเลยก็ว่าได้ เวลาที่เด็กดื้อหึงนี่น่ารักแบบสุดๆ ไปเลยเพราะแสดงความเป็นเจ้าของซะเต็มตัวผมไปหมด แต่เชื่อเถอะว่าผมเองก็ด้วยดูได้จากร่างกายขาวๆ ที่บัดนี้มีแต่รอยจ้ำแดงๆ เต็มไปหมดไม่ว่าจะเป็นซอกคอ หน้าอก แผนหลังหรือแม้แต่เรียวขาขาวๆ นี่ด้วย
คนมันหึง คนมันหวง!!!
“อื้อ, จอมพล” เสียงครางเล็กดังขึ้นมาก่อนจะรั้งใบหน้าผมเอาไว้ “เรื่องตะแต่งงาน”

“ณิชาต้องการให้ช่วยเรื่องสถานที่ก็เท่านั้น ถ้ารอฟังให้จบก็สิ้นเรื่อง” ผมว่ายิ้มๆ แต่มือข้างหนึ่งกลับขยับอยู่ที่ส่วนกลางของร่างกายเดือนสิบสอง

“คนมันหึงนี่” แววตาเล็กปรี่มองผมก่อนที่มือทั้งสองข้างจะเอื้อมมารั้งต้นคอผมเอาไว้แล้วยื่นหน้าเข้ามาประกบจูบท่าทางของเดือนสิบสองตอนนี้จะไม่ไหวแล้วจริงๆ สินะครับ
“รักมากก็หึงมาก” จูบเสร็จก็กระซิบบอกข้างหูของผม

“คนนี้ของพ่อนะ รีบๆ ละพ่อกับแม่รออยู่ จุ๊บ!ผมบอกกับลูกผ่านหน้าท้องที่นูนออกมาของเดือนสิบสองก่อนที่จะกดจูบเบาๆ จนร่างที่นอนอยู่กระตุกเลยทีเดียว

“จอมพลรีบๆ สิไม่ไหวแล้วนะ” พอเห็นว่าผมชักช้าเท่านั้นแหละครับคนที่ต้องการจะปลดปล่อยก็รีบร้องประท้วงทันที

“รีบได้ไงตอนนี้ท้องอยู่ อีกอย่างมันจะเจ็บถ้าไม่จัดการให้ดีซะก่อน” ผมบอกก่อนจะจับขาทั้งสองข้างของเดือนสิบสองให้แยกออกจากกันแล้วขยับตัวเองตามเข้าไป
จอมพลพร้อมแต่ท่าทางเดือนสิบสองจะพร้อมกว่า ใครบอกว่าผมไม่ทรมานคิดผิดครับเพราะตอนนี้ผมเองก็ทรมานสุดๆ เหมือนกันแหละ
“จะเข้าไปแล้วนะ”

“อ๊ะ! อื้อ” ก็ตอนแรกบอกให้รีบๆ แต่พอจะขยับเข้าไปเท่านั้นแหละครับสั่นสู้เชียวแถมยังถอยหนีอีกต่างหาก
“เดี๋ยว”

“ห้ามทำไม” ผมว่ารั้งสะโพกของเดือนสิบสองเอาไว้ด้วยป้องกันไม่ให้เด็กดื้อถอยหนีอีกมีหวังพ่อเลี้ยงหงอยตายกันพอดี

“คนมันตื่นเต้น” มั่นใจเถอะว่าคำพูดที่ออกมาจากปากเมียผมคือเรื่องจริงทั้งนั้น “อย่าให้ลูกเป็นอะไรนะ” เดือนสิบสองพูดเหมือนกับว่าเรามีอะไรกันครั้งแรกแนะครับทั้งๆ ที่มันไม่ใช่แถมตอนท้องเราก็เคยมีอะไรกันมาแล้วด้วย

“จะอ่อนโยนแบบสุดๆ เลยครับที่รักแต่ตอนนี้ขอเข้าไปหน่อยนะจะทนไม่ไหวแล้ว” ผมว่าขยับตัวเข้าไปหาเดือนสิบสองก่อนจะก้มลงไปประกบปากจูบป้องกันไม่ให้เด็กดื้อร้องห้ามอีกแต่ส่วนล่างก็ไม่ลืมที่จะทำหน้าที่ของตัวเอง

“อื้อ, จอมพลขยับสิ” ผมปล่อยให้ริมฝีปากน่าจูบได้เป็นอิสระและแน่นอนความต้องการที่มีมากก็สามารถทำให้ปากพูดออกมาได้เหมือนกัน
ผมยิ้มให้เดือนสิบสองก่อนจะเริ่มขยับอย่างที่เด็กดื้อต้องการมันคือความพยายามอย่างมากเลยทีเดียวที่ต้องทำแบบนี้อย่างช้าๆ และอ่อนโยนที่สุดถือว่าสอนลูกไปในตัวละกันครับแต่ขออย่างเดียวเกิดมายอมเมียเหมือนพ่อไม่ดีสักเท่าไหร่นะลูก
พูดแบบนี้เดาไม่ได้หรอกว่าลูกผมจะออกมาเป็นเด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชายกันแน่ แต่เชื่อฝีมือพ่อเลี้ยงได้เลยว่าต้องเป็นเด็กผู้ชาย J

“กลับตรังกันไหม?” ผมขยับตัวไปตามจังหวะก้มลงไปกดจูบที่ริมฝีปากเดือนสิบสองเบาๆ แล้วกระซิบถามข้างๆ หูคนที่นอนครางอยู่

“ขี้โกง” แขนเล็กทั้งสองข้างเอื้อมมากอดคอผมเอาไว้จนแน่น ถ้าไม่ฉวยโอกาสตอนนี้มีหวังเมื่อทุกอย่างจบลงเดือนสิบสองได้ดื้อใส่จนไม่ยอมกลับตรังกับผมพอดี

“กลับนะครับทุกคนรออยู่” ผมพูดออกมาอีกครั้งแต่เดือนสิบสองกลับไม่ตอบและดึงผมเข้าไปจูบแทนซะงั้น
เวลาผ่านไปผมก็เริ่มขยับเร็วขึ้นแต่ก็ยังเว้นจังหวะบางอย่างน้อยเพื่อไม่ให้มันกระทบกระเทือนถึงลูกมากจนเกินไป มือข้างหนึ่งก็ขยับอยู่ที่ส่วนกลางของร่างกายเดือนสิบสองเพราะท่าทางจะไม่ไหวแล้วสิครับ

“จะจอมพล”

“เดือนสิบสองเด็กดื้อรักนะ”

“อ่ะ อ๊า! ไม่ไหวแล้ว” ผมเริ่มขยับมือของตัวเองให้เร็วขึ้นจนสุดท้ายเดือนสิบสองก็พบเจอกับสวรรค์เลยทีเดียวร่างเล็กนอนนิ่งอยู่กับที่แต่ผมนี่สิที่ยังไม่เสร็จแถมขยับแรงๆ ก็ไม่ได้ด้วยสิ
“จอมพลขยับออกไปสิ”

“หืม!” เดือนสิบสองบอกกับผมก่อนจะลุกขึ้นแล้วดันร่างผมให้ขยับออกไป ให้ตายสิลูกผมยังทำงานได้ไม่เต็มที่เลยนะแถมมันยังรู้สึกอึดอัดสุดๆ ไปเลย
“ได้โปรด” ผมมองหน้าเดือนสิบสองอ้อนวอนแบบสุดๆ เด็กดื้อยิ้มอย่างมีความสุขก็แน่ละสิตัวเองเสร็จไปแล้วนี่

“โอเคครับ” เดือนสิบสองยื่นหน้าเข้ามาหาผมก่อนจะกดจูบที่ริมฝีปากมือเล็กเลื่อนไปส่วนกลางของร่างหายผมเอาไว้ก่อนจะออกแรงขยับไปมาตามจังหวะ ให้ตายสิเหมือนผมกำลังถูกเด็กดื้อคนนี้แกล้งอยู่เลย
“อึดอัดละสิ” ถามมาได้อยากจับกดใหม่ซะให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

“เดือนสิบสอง”

“รักนะจอมพลคนหื่น!” เดือนสิบสองพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่น่ารักก่อนจะก้มลงไปแล้วใช้ปากทำให้ผมซะงั้น ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมแต่ที่แน่ๆ คงกลัวละมั้งถ้าผมรุนแรงเกินไปลูกก็จะเป็นอันตรายกลัวแบบนี้ไม่ดีนะมีหวังผมลงแดงตายกันพอดี
อ๊ะ! อ๊า อื้อ,
บอกไม่ถูกแต่มันสุดๆ ไปเลยจนผมแทบไม่อยากเชื่อว่าเสียงนี้คือของผม เดือนสิบสองขยับปากอยู่อย่างนั้นจนเวลาผ่านไปและสุดท้ายผมก็แทบทนไม่ไหวจนต้องรั้งใบหน้าเล็กออกมาก่อนที่จะปลดปล่อยเกือบไม่ทันครับ

“เด็กแสบ!

“รักไหม?”

“รักสิแต่คราวหลังไม่เอาแบบนี้แล้วนะ” ผมว่าอุ้มเดือนสิบสองขึ้นมานั่งบนตักเพราะท่าทางของพวกเราทั้งสองคนก็เหนื่อยพอๆ กันนั่นแหละครับ
“ไปอาบน้ำกันเถอะ”

“แค่อาบน้ำนะไม่มีต่อรอบสอง” มีต่อรองด้วยครับถ้าเป็นเมื่อก่อนคงไม่ได้แต่เดี๋ยวนี้ยอมไปก่อนรอลูกคลอดเมื่อไหร่จะจัดเต็มให้คอยดูสิ

“แน่ใจ”

“จอมพล” ฝ่ามือเล็กฝาดเข้าให้ที่ไหล่ของผมซะเต็มแรงเลยทีเดียว ท่าทางจะเขินนะครับเพราะแก้มแดงเชียว >/////////////<

ความรู้สึกที่เพิ่งผ่านพ้นมาทำให้ผมรู้สึกตื่นตันใจมากๆ แถมยังเอ่อล้นจนไม่คิดว่าตัวเองจะได้รับความรักแบบนี้จากเด็กดื้อแสนเอาแต่ใจแถมชอบทำตัวเพี้ยนๆ ใส่อีกต่างหากวันนี้ผมรู้แล้วว่าเดือนสิบสองคือทุกอย่างจริงๆ ต่อไปก็คงรวมลูกด้วย
วันนี้ผมตื่นเช้าก็ลงมาด้านล่างเพื่อทำอาหารให้เดือนสิบสองกินรับรองว่าถ้าตื่นมาแล้วไม่เจอผมต้องงอแงอีกแน่นอนนึกแล้วมีความสุขแฮะ
“ให้ป้าช่วยไหมค่ะ” เสียงของหญิงชราดังขึ้นมาจากด้านหลังผมหันไปมองก่อนจะยิ้มให้ท่านและตอบคำถาม

“ไม่เป็นครับใกล้จะเสร็จแล้ว” ท่านยิ้มกลับมาให้ผมก่อนจะพยักหน้า

“จอมพล! ฮือ, จอมพล!” เสียงของเดือนสิบสองดังลั่นบ้านจนผมกับป้าตกใจรีบออกไปดู เห็นเดือนสิบสองยืนร้องไห้อยู่ที่บันไดท่าทางเหมือนกำลังตกใจกลัวอะไรสักอย่าง

“ร้องไห้ทำไม” ผมเดินเข้าไปหาก่อนจะเกลี่ยน้ำตาให้

“เค้าปวดท้อง ปวดมากๆ ลูกจะเป็นอะไรไหม” ดวงตาแดงกร่ำมองหน้าผมแถมมือที่จับหน้าท้องตัวเองยังสั่นอีกต่างหากจนผมรู้สึกกลัวไปด้วย

“รีบพาไปหาหมอก่อนเถอะค่ะ”

“งั้นผมฝากในครัวด้วยนะครับ” ผมบอกกับท่านก่อนจะพาเดือนสิบสองไปขึ้นรถ เหมือนจะตื่นนานแล้วนะเนี่ยเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ก็เปลี่ยนเรียบร้อยแล้ว
ตลอดทางที่ผมพาเดือนสิบสองไปโรงพยาบาลก็นั่งจับมือไว้แต่ท่าทางยังไม่หายสั่นเลยนะเนี่ย

“โอเคไหม?” ผมถามขึ้นเมื่อรถหยุดเพื่อรอสัญญาณไปเขียว

“ไม่! ลูกจะเป็นอะไรไหม” เดือนสิบสองร้องไห้อีกแล้วแถมยังเป็นห่วงลูกมากๆ มือข้างหนึ่งก็เอาแต่ลูบหน้าท้องของตัวเองไปด้วย

“ลูกจะไมเป็นอะไร” ผมยื่นมือไปขยี้หัวเดือนสิบสองเพื่อให้กำลังใจก่อนจะหันมาขับรถเพราะตอนนี้สัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียวเรียบร้อยแล้ว เมื่อมาถึงโรงพยาบาลผมก็รีบพาเดือนสิบสองไปพบหมอทันที

“หมอนนท์” เดือนสิบสองเรียกชื่อหมอนี่อย่างดีอกดีใจ ลืมอะไรไปไหมเมียที่รักก่อนหน้านี้ร้องไห้อยู่เลย “ไม่ได้เจอคุณซะนาน”
เริ่มหึง!

“ไม่ห่วงลูกแล้วเหรอ” ผมกระซิบถามก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปสบตากับหมอนนท์ที่เดือนสิบสองเรียกชื่อด้วยความดีใจ

“คุณโอเคไหมเดือนสิบสอง” เสียงหล่อเชียว

“ไม่โอเค เมื่อเช้าตอนอาบน้ำอยู่ก็รู้สึกปวดท้องมากๆ แถมเมื่อคืนยังเอ่อ”
หน้าแดงแฮะ! ไม่กล้าพูดละสิ

“มีอะไรกัน” ผมก็เลยเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาลอยๆ แต่ทั้งสองคนก็คงได้ยิน

“จอมพล” ฝ่ามือเล็กตีเข้าให้ที่ไหล่ของผมแต่แก้มกลับแดงขึ้น ส่วนหมอนนท์ก็ยิ้มขำกับท่าทางของเดือนสิบสอง
ในห้องสี่เหลี่ยมขนาดพอเหมาะผมกำลังนั่งรอเดือนสิบสองที่ตรวจอยู่นึกกังวลไม่ต่างกันแต่ก็นึกดีใจด้วยที่เดือนสิบสองเป็นห่วงลูกไม่คิดครับว่าจะโตขึ้นเยอะ

“ลูกผมเป็นอะไรหรือเปล่า” ผมถามขึ้นหลังจากที่เห็นหน้าทั้งสองคนเดือนสิบสองเดินเข้ามานั่งข้างๆ แล้วจ้องหน้าผมแววตาต่างจากก่อนหน้านี้มากเลยทีเดียว
“ว่าไงครับ” เมื่อไม่มีคำตอบผมก็ถามขึ้นอีกครั้ง

“ไม่มีอะไรหรอกครับเด็กแค่ดิ้นส่วนเรื่องเมื่อคืนก็ไม่มีผลกระทบอะไรมากด้วยหากใช้ความระมัดระวัง” ผมรู้สึกโล่งใจที่ได้ยินคำตอบแบบนี้แต่คนที่นั่งข้างๆ นี่สิท่าทางจะอายจนไม่กล้าสบตาผมกับหมอนนท์เลยทีเดียว

“ก็ตอนนั้นปวดท้องมากๆ นี่เลยกลัวใครจะไปรู้ละว่าลูกดิ้นเพิ่งเคยท้อง” น้ำเสียงเบาหวิวเอ่ยออกมาท่าทางเขินอาย

“เค้าก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ ดีใจนะที่เดือนสิบสองเป็นห่วงลูก”

ก๊อก ก๊อก
ระหว่างที่นั่งคุยกันอยู่เสียงประตูห้องของหมอนนท์ก็ดังขึ้นก่อนที่มันจะถูกผลักเข้ามาผมกับเดือนสิบสองก็เลยต้องเงยหน้าขึ้นไปมองด้วย
“หมอนนท์!!!

“เซย์!

“พี่เซย์!” อย่าว่าแต่เดือนสิบสองเลยครับขนาดผมเองยังแปลกใจแถมน้ำเสียงที่เรียกหมอยังฟังดูคุ้นเคยอีกต่างหาก
เดือนสิบสองจ้องหน้าผมพร้อมทั้งลุกขึ้นยืนแล้วมองหน้าทุกๆ คนในห้องนี้
“นี่มันอะไรกัน?” เหมือนความซวยจะมาเยือนแต่ขอบอกผมไม่เกี่ยวนะครับแถมไม่รู้ด้วยว่าเซย์กับหมอนนท์รู้จักกันได้ยังไง

“เฮ! ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเดือนสิบสอง” เซย์เหมือนจะรู้ว่าตัวเองคือประเด็นจึงหาคำพูดเพื่อเปลี่ยนประเด็นแต่ท่าทางจะไม่ได้ผลแฮะ

“ผมอุตส่าห์คิดว่าหมอจะไม่กล้าโกหกแต่ที่ไหนได้” เดือนสิบสองหันไปคุยกับหมอนนท์แต่กลับพูดไม่จบก่อนจะหันหลังหนีและเดินออกไปจากห้อง
ปัง!
ปิดประตูซะดังเชียวท่าทางจะโกรธจัด งานเก่าเพิ่งหายงานใหม่มาอีกแล้วเหรอพ่อเลี้ยงปวดจิตแบบนี้เมียจะยอมกลับตรังไหมเนี่ย?

“เซย์!” ผมแทบอยากจะฆ่าหมอนี่นัก

“ขอโทษๆ แต่เรื่องนี้คุณไม่เกี่ยวหรอกเดี๋ยวจะไปอธิบายให้ฟังนายก็ด้วยนะหมอนนท์ท่าทางเดือนสิบสองจะโกรธแฮะ” เซย์พูดเหมือนหนักใจก่อนจะเดินมานั่งข้างๆ ผม

“เดี๋ยวผมอธิบายเองครับ”

“ได้ไง! ถ้าไม่ใช่เพราะฉันนายก็ไม่ต้องซวยโดนโกรธไปด้วยหรอก”

“รู้จักกันเหรอ?” ผมพูดแทรกขึ้นมาเพราะรู้สึกสงสัยในน้ำเสียงที่พวกเค้าสองคนคุยกัน

“แฟนเก่า!” เซย์เป็นคนตอบคำถาม “แต่ตอนนี้แฟนปัจจุบัน” ให้ตายสิหมอนี่ชอบพูดจายั่วประสาทซะจริงๆ เลย
“นี่พ่อเลี้ยงช่วยหน่อยสิ”

“ไม่! นายรู้ไหมว่าฉันเพิ่งง้อเดือนสิบสองไปนะ? แต่นี่อะไรแล้วเมื่อไหร่ฉันจะได้แต่งงานเนี่ย” ผมแทบอยากจะทึ่งหัวตัวเองทิ้งซะจริงๆ เลย วางแผนไว้ซะดิบดีถ้าหากพาเดือนสิบสองกลับตรังได้เมื่อไหร่ก็จะขอแต่งงานทันที แต่ท่าทางงานนี้จะยาว

“อีกไม่นานหรอกถ้าคุณยอมช่วยนะๆ”

“บอกว่าไม่ไง! พวกนายโกหกอะไรไว้ก็รีบตามไปอธิบายซะ...

“ชิส์! ที่ทำเพราะช่วยคุณทั้งนั้นทีตอนนี้ไม่ยอมช่วยง้อ” เซย์พูดจาแขวะผมก่อนจะนั่งกอดอกลอยหน้าลอยตาไปมา

“จะช่วยบอกละกันว่านายจะมาง้อ รีบๆ ตามไปละ” ผมว่าก่อนจะลุกขึ้นยืนถึงพูดแบบนี้ก็ไม่ช่วยหรอก ดีไม่ดีเดือนสิบสองจะรวมผมไปด้วยแล้วไม่ยอมคุยอีก
“รออยู่ที่บ้านเดือนสิบสองนะ”

“พ่อเลี้ยง!” เรียกไปเถอะเพราะผมเองก็ต้องไปง้อเมียเหมือนกัน

ในตอนนั้นที่ผมเองมาจากห้องของหมอนนท์เดือนสิบสองก็นั่งรออยู่ด้านนอก ผมดีใจนะที่เค้าไม่หนีกลับบ้านไปซะก่อนแต่ที่แน่ๆ ไม่ยอมปริปากพูดกับผมสักคำเดียวทำเอาพ่อเลี้ยงใจห่อเหี่ยวไปเลยครับ
พอกลับมาถึงบ้านก็ไม่ยอมพูดอีกทำเหมือนผมไม่มีตัวตนเลยก็ว่าได้
“คุณหนูเป็นอะไรไปค่ะ”

“โกรธผม” ผมถอนหายใจรู้สึกเพลียสมองมากๆ คุณป้าท่านมองหน้าผมแล้วยิ้ม

“ไปง้อสิค่ะเดี๋ยวเธอก็หาย”

“แต่ผมก่อเรื่องไว้เยอะ คราวนี้ไม่รู้จะหายงอนเมื่อไหร่” เงยหน้าขึ้นไปมองร่างบางที่กำลังเดินกลับขึ้นไปบนห้องอย่างหนักใจ ผมเหนื่อยจริงๆ กับปัญหาที่ไม่จบสิ้นพวกนี้ถ้าผมเป็นเดือนสิบสองคงรู้สึกแย่เหมือนกัน

“ไม่หรอกค่ะลองดูไม่เสียหาย รอป้าแป๊บนะคะจะไปยกข้าวต้มเมื่อเช้ามาให้” ผมพยักหน้าให้กับท่านก่อนจะยืนรอสักครู่ท่านก็ยกข้าวต้มพร้อมน้ำมาให้ ผมสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกขวัญและกำลังใจก่อนจะเดินตามเดือนสิบสองขึ้นไป
แอด!
มือค่อยๆ ผลักประตูเข้าไปเห็นเดือนสิบสองนั่งอยู่ปลายเตียงจ้องมาทางผมแววตาแบบนี้ที่ผมไม่อยากเจอเลยทีเดียว
“เมื่อเช้ายังไม่ได้กินอะไรไป กินสักหน่อยนะจะได้กินยา” เดือนสิบสองเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมที่ยืนอยู่ตรงหน้าก่อนจะยื่นมือมารับข้าวต้มไปกิน
ก็ยังดีที่เดือนสิบสองไม่ต่อต้าน แต่มันไม่ดีตรงที่เดือนสิบสองไม่ยอมคุยกับผมนี่สิครับ!
“ฉันจะยอมรับผิดทุกอย่าง เซย์ไม่ผิดหรอกนะ” ผมรู้ว่าเดือนสิบสองฟังอยู่แต่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตานอกซะจากจะกินข้าวต้มอยู่อย่างเดิม

” มีแค่ลมหายใจ แต่ทำไมมันยากจังที่จะอธิบาย

“ฉันรู้ว่ามันแย่แค่ไหน แต่ฉัน

“อย่าพูดอีกเลย!” เสียงช้อนที่ถูกวางลงก่อนที่สายตาคู่เล็กจะมองมาทางผม “เค้าไม่อยากน้อยใจหรือทำตัวแบบเด็กๆ เรื่องที่ผ่านมาก็ช่างมันเถอะเค้าก็แค่รู้สึกแย่ แต่เดี๋ยวมันก็จะดีเอง เค้ารู้นะว่าพ่อเลี้ยงเป็นห่วง”
เดือนสิบสองพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ แต่กลับมีรอยยิ้มให้ผม
“ส่วนพี่เซย์กับหมอนนท์พวกเค้าสองคนหวังดีมาตลอด ถ้าไม่มีหมอนนท์บางทีผมอาจจะฆ่าลูกไปแล้วก็ได้มันก็แค่ความรู้สึกช่วงแรกๆ ที่ต้องการใครสักคนแต่ตอนนี้ผมเจอแล้วและอยากรักษาให้ดีที่สุด” เดือนสิบสองวางถ้วยข้าวต้มลงบนเตียงก่อนจะลุกขึ้นแล้วเอื้อมมือมารั้งใบหน้าของผมเอาไว้
“จอมพลกับลูกคือทุกอย่างของเดือนสิบสองแล้วนะอย่าหายไปไหนนะครับ”
หมับ!
เมื่อคำพูดของเดือนสิบสองจบลงผมก็รั้งร่างเล็กเข้ามากอดเอาไว้ทันที ผมคิดว่ามันจะแย่ซะอีกแต่ที่ไหนได้มันกลับดีเดือนสิบสองทำให้ผมอึ้งและน่าทึ่งในหลายๆ เรื่องเลยทีเดียว

“ไม่มีวันครับ”

“แต่พี่เซย์กับหมอนนท์นี่ยังไง” น้ำเสียงเล็กเอ่ยถามอย่างสงสัยในอ้อมกอดของผม

“รู้แค่ว่าเคยคบกันแล้วเลิก แต่ตอนนี้คงคบกันใหม่”

“หมอนนท์นี่เจ้าเล่ห์ชะมัด แต่ก็ช่างเถอะเพราะเค้าเป็นคนดีแถมยังดูแลผมซะดีอีกแล้ว” เดือนสิบสองผละออกจากผมก่อนจะเอ่ยชมหมอนนท์ให้ผมฟัง รู้สึกหมั่นไส้หมอนนท์อีกแล้วสิครับ

“หึงนะ”

“รักใครไม่ได้อีกแล้วละจอมพลคนหื่น”

“รักได้แค่จอมพลนะเดือนสิบสองเด็กดื้อ” ผมบีบปลายจมูกของเดือนสิบสองเบาๆ ส่ายไปมานึกรักใคร่
“เดือนสิบสองเราแต่งงานกันไหม?”

“หืม! ขอกันง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ” ยิ้มให้ผมแต่สองแก้มกลับแดงระเรื้อเลยทีเดียว เขินได้น่ารักมากๆ จนผมต้องยื่นหน้าเข้าไปหาแล้วหอมแก้มทั้งสองข้างซะฟอดใหญ่

“ก็ทีตอนจะทำครั้งแรกไม่เห็นขอ แถมยังจะข่มขืนอีก” ผมแอบแซวจนเดือนสิบสองแก้มแดงเป็นตำลึงไปเลยทีเดียว
>///////////////<
น่ารัก น่าหยิกแก้มเล่นซะจริงๆ เมียใครเนี่ย

“มันผ่านมาแล้วนะจอมพล”

“เผื่อจะต่อรองได้บ้าง? ตกลงว่ายังไงจะแต่งไหม?” ได้ทีผมก็รีบฉวยโอกาสทันทีเลยครับเพราะอย่างน้อยเดือนสิบสองคนไม่ทันคิดอะไร

“ถามลูกก่อน”
แป๋ว!
เดือนสิบสองไม่คิดก็จริง แต่ให้ลูกคิดแทนนี่สิครับหนัก!!!!!
แล้วผมต้องรอไปอีกนานแค่ไหนเนี่ยกว่าลูกจะพูดได้จอมพลเพลีย!

“อะไรกันอยากแต่งนะเนี่ย”
ตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนนี้นับได้ว่านี่คือครั้งแรกที่นึกอยากจะแต่งงานจริงๆ ผมคิดว่าการผูกมัดคือเรื่องแย่ๆ แต่เปล่าเลยมันคือเรื่องดีต่างหากและสามารถทำให้สายสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวดีขึ้นอีกต่างหาก
“แต่งนะครับ”

“ขอคิดดูก่อนสิ”

“รีบๆ หน่อยสิแก่แล้วนะเดี๋ยวจะหมดไฟซะก่อน”

“ชิส์! คนหื่น”

“แล้วรู้ไหมว่าคนหื่นคนนี้โคตรจะรักเมียเลยร้ายโคตรรัก”
จุ๊บ >//////////////<
ผมกดจูบเบาๆ ที่ปลายจมูกของเดือนสิบสองรั้งเอวบางมากอดเอาไว้อีกครั้ง
“เดือนสิบสองร้าย จอมพลโคตรรัก”

“เดือนสิบสองไม่ได้ร้ายแต่จอมพลต่างหาก ส่วนเดือนสิบสองโคตรจะรักจอมพลคนหื่น”
จุ๊บ >///////////<
ให้ตายสิเดี๋ยวก็ได้กินเดือนสิบสองแทนข้าวหรอกชอบพูดจาน่ารักๆ ให้ชื่นหัวใจอยู่เรื่อยเลย





__________________________

เม้นนะเม้น เม้นๆ
ห้ามลืม!!!!!!!!!!!!!

เนื้อหาตอนนี้เหมือนตอบจบเบยยยยยย ฮาาาาาา
ยังๆ ยังไม่จบนะครัช!